ยวดยาน » วิธีเลือกซื้อรถมือ2

วิธีเลือกซื้อรถมือ2

26 มีนาคม 2017
2836   0


0. รถถูกโฉลกกับเราหรือไม่ ข้อนี้สำคัญมากถ้าเห็นแล้วไม่ชอบก็ไม่ต้องเอา เพราะคนเรามักมีเซ้นต์อันนี้เรื่องจริง
เลยเอามาไว้เพื่อพิจารณาเป็นข้อแรกๆ ที่หนังสือรถมือสองมักจะไม่เขียนกัน

1. ดูสีว่าต่างจากรุ่นที่มีจำหน่ายรึเปล่า ถ้าใช่ให้เลี่ยงเพราะเป็นไปได้ว่าชนหนักทำสีมาทั้งคัน
2. สีที่พ่นต้องเป็นสีจากโรงงาน
3. เปิดฝากระโปรงรถ ดูป้ายฉลากต่างอยู่ครบ
4. ห้องเครื่องสมบูรณ์อยู่ในสภาพเดิมไม่รกรุงรัง
5. เครื่องเดิม หม้อน้ำเดิม
6. จุดอาร์ค รูหมุดในห้องเครื่องอยู่ครบ
7. ปิดฝากระโปรงรถต้องปิดง่ายระยะห่างจากฝากระโปรงกับไฟหน้าต้องเสมอกันเท่ากัน ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
8. เดินดูรอบๆ รถไม่มีการทำสีใหม่หรือชนหนัก ถ้าชนหนักจะมีร่องรอยบิดเบี้ยวผิดรูป สาดสีที่ไม่สม่ำเสมอกัน (ดูด้วยแสงสะท้อนจากตัวรถ)
9. เปิดประตูทุกบาน เปิดเข้าออกสะดวก ประตูไม่ทรุด ตรวจดูตะเข็บชายประตูไม่มีร่องรอยทำสีใหม่ หรือคราบสนิมให้เห็น
10. กลิ่นอับชื้นในรถต้องไม่มี เพราะถ้ามีแสดงว่ามีน้ำรั่ว หรือรถออาจจะจมน้ำมา
10. ถ้าถอดพรมได้ให้ถอดดูว่าพื้นรถมีสนิมหรือไม่
11. เปิดดูกระโปรงหลังรถ รื้อพรมออกให้หมด ดูในหลุมยางอะไหล่มีผุหรือไม่ รอยอาร์คตัวถังอยู่ครบ รวมฝากระโปรงหลังด้วยต้องเปิดปิดอย่างสมบูรณ์ ไม่เบี้ยวไม่เอียงไม่ปิดยาก
12. โคมไฟทุกดวงอยู่ในสภาพเดิม
13. เข้าไปนั่งในรถตำแหน่งคนขับ มองกระจกหน้าต้องมีรอยจากปัดน้ำฝนอยู่บ้าง
14. ขอดูเอกสารเล่มทะเบียนรถต้องดูว่าเล่มใหม่เกินไปหรือไม่ ถ้าใช่ให้สอบถามและพลิกไปหน้าหลังสุด หมายเหตุ เปลี่ยนเล่มเพราะอะไร ถ้าระบุว่าหายผิดสังเกตชัดเจนให้เลี่ยงเพราะรถอาจมีประวัติไม่ดี  ดูชื่อเจ้าของคนแรกถึงคนสุดท้ายเปลี่ยนมือมากี่ครั้ง ยิ่งน้อยยิ่งดี
15. ของดู Book Service หรือใบเสร็จซ่อมรถส่วนใหญ่เจ้าของรถมักจะเก็บไว้ในเกะ หากมีจะดีมากเพราะเราสามารถรู้ประวัติว่าผ่านการซ่อมบำรุงดีหรือไม่เพียงใด และระยะทางเทียบกับไมล์ แล้วประมาณได้ว่าไม่มีการตุกติกกรอไมล์
16. ลองสตาร์ทเครื่องถ้าเครื่องติดดีในครั้งเดียวแสดงว่ารถดีมาก สตาร์ทเสร็จลงจากรถไปฟังเสียงเครื่องยนต์สมบูรณ์ดีเพียงใด
17. ลองเร่งเครื่องดู จะต้องไม่สำลักหคือกระตุกให้เห็น  ดับเครื่องสตาร์ทใหม่ ติดดีก็สมบูรณ์แล้ว
18. ขอลองรถ ถ้าทำได้ยิ่งเป็นเกียร์ออโต้ด้วยแล้วต้องขอลองขณะเครื่องเย็น เพราะร้อยทั้งร้อยหากเกียร์มีปัญหารถมันจะไม่วิ่งจนกว่าเครื่องจะร้อนดี  เดินหน้าถอยหลังเอาให้ครบ ลงจากรถเปลี่ยนให้ sale ขับวิ่งรอบๆ เต้นท์ผ่านลูกระนาดผ่านหลุมยิ่งดี จะได้ฟังเสียงข้อบกพร่องของช่วงล่าง ที่ให้ sale ขับให้เราจะได้สังเกตข้อผิดบกพร่องได้ง่ายขึ้น โดยฟังเสียและลักษณะท่าทางการขับที่แตกต่างออกไปหรือไม่
19. ถ้าชอบแล้วก็ทำสัญญาวางมัดจำนัดรับรถ (ยิ่งเร็วยิ่งดี)
20. วันรับรถต้องตรวจสภาพรถอีกทีว่าอยู่ในสภาพเดิมมีการถอดอุปกรณ์หรืออะไหล่ออกไปหรือไม่
21. รับรถแล้วรีบไปโอนรถเป็นชื่อเราให้เรียบร้อย

จากนั้นก็เอารถเข้าไปเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมดที่อู่ ให้ช่างเช็คสภาพทั้งหมดอีกทีเป็นอันเสร็จพิธี

เสริมวิธีดูรถคร่าว ๆ อีกวิธีนะครับ ท่านก็ดูจากสภาพภายนอกก่อนโดยเคาะตัวถังรอบๆรถว่าเป็นเสียงของเหล็ก จะใช้หลังมือก็ได้ครับ ( เสียงแก๊งๆ ใส ๆ ) หรือว่าเป็นเสียงทึบๆ ( ปุ๊ค ๆ )ของสีโป๊วถ้าเป็นจุดที่ไม่สำคัญและบริเวณไม่กว้างเช่นแก้ม ด้านข้าง ด้านท้ายหรือประตูก็ถือว่ายังยอมรับได้ครับ อันนี้เป็นเรื่องปกติการที่จะไม่เฉี่ยว ชนเลยเป็นไปได้ยากมากครับแต่ถ้าเจอด้านข้างหรือด้านหน้าเป็นหรือด้าน ท้าย”โดยเฉพาะหลังคาที่เป็นบริเวณกว้าง”คว่ำแน่ๆ)ไม่แนะนำครับ

ขั้น แรกที่ดูก็ลองยืนหน้ารถแล้วก็มองดูรอยตะเข็บต่าง ๆ ว่ามีการบวมหมือนกันมั้ย ซ้าย-ขวา ไม่ว่าจะขอบคิ้ว ขอบกันชนต่าง ๆ เช่น ฝากระโปรงเวลาปิด ด้านนึงชิดมากแต่อีกด้านนึงห่างมากซะ…..อะไรอย่างนี้อ่ะครับ แบบนี้ก็แสดงว่ามีการชนมาแน่ ๆ แต่จะหนักหรือเบาก็ว่าไป เหมือนกันกับกระโปรงท้าย เช่นซ้าย – ขวา ระยะฝาปิดห่างเท่ากันมั้ยนะครับ

แล้ว มาดูเรื่องสีรถว่ามีสภาพเรียบร้อยแค่ไหน มีตรงไหนที่พื้นสีเข้ม-ซีดแตกต่างกันโดยจะเน้นไปที่สีของฝากระโปรงเทียบกับ แก้มทั้งสองข้างถ้าสีไม่เหมือนกันแสดงว่ามีการทำสีมา(อาจจะจากการชนหรือไม่ ชนก็ได้)แล้วจะนำทั้งหมดไปเทียบกับหลังคาและฝาท้ายแต่จะเน้นที่หลังคาครับ เพราะ ถ้าหลังคาถูกทำสีที่เกิดจากการชนคือการชนที่รุนแรงมากหรือคว่ำมาไม่น่าคบแน่ๆครับ อันนี้จะดูที่ขอบยางของกระจกหน้าและกระจกหลังถ้าทำสีมาสีจะแตกตรงมุมขอบให้ เห็น ดูความสม่ำเสมอของขอบประตูด้านบน-ล่างว่ามีเอียงหรือบิดหรือต่ำๆสูงๆหรือไม่ ทั้งสี่บาน ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างดูยาก ยังไงตอนดูก็รบกวนเปิดประตูพร้อมกันทั้ง 4 บานออกมาน่ะครับ(และประตูต้องปิด-เปิดง่ายด้วยนะครับ) แล้วลองดูคานต่าง ๆ โดยเฉพาะกระดูกงูมันเป็นชิ้นส่วนที่แข็งแรงมาก ๆ ครับ มันต้องไม่มีการบิด คด งอ โดยเด็ดขาด สังเกตุดูดีๆนะครับถ้าพบตรงจุดนี้ก็น่าจะเกิดเหตุรุนแรงมาแน่ ๆหยุดสนใจเลยครับ ส่วนตัวถ้าเจอสาดสีมาทั้งคันผมจะไม่เอารถคันนั้นครับ

 

 

ต่อ มาก็จะเปิดดูที่ห้องโดยสารท่านลองเปิดพื้นให้ถึงพรมชั้นล่างสุดโดยเฉพาะตรง ที่พักเท้าด้านหน้าทั้งสองข้างแล้วดมดูจะต้องไม่มีกลิ่นอับของความชื้น เหมือนซักผ้าตากไว้ในร่มเพราถ้ามีเป็นไปได้ว่าระบบแอร์รั่ว-มีการผุของเหล็ก ที่ผนังกั้นห้องโดยสารกับห้องเครื่องอาจมีการรื้อหรือยกเครื่องออกจากตัวรถ แล้วประกอบไม่ดีจนมีน้ำรั่วเข้ามาได้(อาจจะซ่อมหรือชนมา)เชื่อไหมบางคันเจอ น้ำใต้พรมเลยก็มี ถ้าเจอก็จบอย่าเอาเลย เดี๋ยวเสียใจภายหลัง

คราว นี้ลองบิดสวิทช์กุญแจดูสัญญานเตือนต่างๆต้องติดครบแล้วก็สตาร์ทเครื่องดู สัญญานเตือนทุกตัวต้องทำงานตามปกติถ้าไม่ปกติก็ดูอีกทีว่ารับได้หรือเปล่า ( เช่นรูปแบตเตอรี่อาจเป็นไปได้ถ้ารถจอดนานจนแบตหมดก็เป็นได้ ) จากนั้นก็จะเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีในรถทั้งหมดตัวไหนทำงาน ไม่ทำงานก็จำไว้นะครับเอาไว่ต่อรองราคาได้ด้วย อิอิ ต่อๆ เปิดค้างไฟหน้าไว้ที่ไฟสูงเปิดแอร์แรงสุด แล้วค่อยเปิดฝากระโปรงหน้า มาดูที่ห้องเครื่องในส่วนนี้ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ นะครับอันแรกก็เปิดฝาหม้อน้ำทิ้งไว้ ( บางรุ่นไม่มีก็เปิดที่พักน้ำแทน ) จากนั้นก็เริ่มฟังเสียงและใช้มือกับที่ตัวเครื่องดูการสั่นสะเทือนที่จะบอก ถึงความเรียบของเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาต้องไม่มีการกระตุก การสั่นต้องต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ( ไม่ใช่สั่นบ้างหยุดบ้าง ) ฟังเสียงสายพาน – ลูกรอก – พัดลมต้องไม่ส่งเสียงจอ เจี้ยวจ้าวเกินพอดี ดูขอบห้องเครื่องด้านหน้า – ซ้าย – ขวาต้องมีร่องรอยของจุดเม็ดรอยอาร์คไฟฟ้าที่ใช้ในการประกอบ ( จุดเม็ดรอยอาร์คเป็นหลุมที่มีระยะห่างเท่าๆกันถ้ามีการชนสีโป๊วจะอุดรอยพวกนี้เป็นเรียบหมด )

จาก นั้นก็ไปดูชุดโคมไฟหน้าว่าเรียบเสมอกับกับไฟเลี้ยวหรือเปล่ามีการปรับเอียง ไว้หรือไม่ถ้าเอียงก็ปรับให้ตรงและเสมอเป็นปกติซะ เสร็จแล้วลองเดินไปด้านหน้าห่างจากรถสักประมาณ 10-15 เมตรแล้วหันมาดูไฟหน้ารถ ( ที่ท่านได้เปิดทิ้งไว้ที่ไฟสูง ) สังเกตุไฟทั้งสองข้างจะต้องมีความสูงที่ใกล้เคียงกันถ้าสูงข้างต่ำข้าง ( อันนี้ก็เหมือนตอนกลางคืนที่บางครั้งเราขับสวนคันอื่นไฟข้างนึงสูงอีกข้าง นึงต่ำ )แต่ท่านได้ปรับโคมให้เสมอกันแล้ว อันนี้ร้อยทั้งร้อยบอกได้เลยชนด้านหน้าหรือเฉียงๆข้างใดข้างหนึ่งมาหลีกให้ ห่างครับแบบนี้

คราวนี้กลับมาที่รถดึงสายคันเร่งๆเครื่องดูว่าเร่ง ดีหรือไม่ต้องไม่มีสะดุดหรือสำลักกน้ำมันและเสียงแขกของวาล์ว ( แก๊ก ๆ )ต้องไม่ดังจนน่าเกลียด ตอนนี้เครื่องร้อนแล้วก็จะมาดูน้ำหม้อน้ำหรือหม้อพัก ( ที่เปิดฝาทิ้งไว้แต่ทีแรก ) การไหลวนต้องไม่มีฟองอากาศ ( ยิ่งเร่งเครื่องฟองยิ่งใหญ่ขึ้น ) ถ้ามีแสดงว่าเครื่องเคยโอเวอร์ฮีตมาจนฝาสูบโก่งไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง

ถ้าอยากรู้ว่าฝาสูบโก่งไหม ลองสตาร์ทเครื่อง เปิดฝาหม้อน้ำไว้ พอเครื่องเริ่มร้อน จะมีฟองอากาศดันขึ้นมา ถ้าโก่งมาด็ดันทะลักออกมาเลย ถ้าโก่งน้อยก็ค่อยๆดันครับ สาเหตุที่มีฟองอากาศเพราะฝาสูบโก่งอากาศเข้าไปได้ จึงถูกดันออกทางหม้อน้ำ เมื่อเราเปิดฝาหม้อน้ำ มันก็เลยเห็นเป็นฟองอากาศ เหมือนมีปั๊มไฮโดรลิกอัดเข้าหม้อน้ำ หรือหม้อพักน้ำ มันก็ดันน้ำออก ทีนี้ไม่มีน้ำไประบายความร้อน มันก็เลยฮีทครับ

 

ถ้าผ่านก็จะก้มดูด้านล่างว่ามีน้ำแอร์หยดอย่างสม่ำเสมอดี ( ถ้าไม่มีหยดเลยก็ไม่ได้นะครับ ไม่ดีแน่ ๆ ) และต้องไม่มีอย่างอื่นหยดนอกจากน้ำแอร์จากนั้นก็ไปปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปิด ไว้แล้วดับเครื่องที่สำคัญคือระหว่างที่เช็คอยู่ถ้าคนขายไปดับเครื่องก็ไม่ ดูต่อแล้วครับ ( แสดงว่าต้องการปกปิดบางอย่าง ) แล้วก็มาดูรอยรั่วของน้ำตามท่อน้ำหรือน้ำมันในระบบว่ามีใหม่ๆออกมาตรงไหน บ้าง ( อันนี้ไม่เท่าไหร่ครับ แต่เก็บข้อมูลเอาไว้ต่อราคา ) ดูตามจุดประกบต่างๆเช่นฝาครอบวาล์ว-เครื่อง-หัวเกียร์ว่ามีร่องรอยของสารซี ลป้องกันรั่วหรืไม่ ( สีส้มหรือสีขาว )ถ้ามีก็แสดงว่าจุดนั้นๆมีการถอดซ่อมมาแล้ว ( เก็บเป็นข้อมูลไว้ต่อราคาอีกเช่นกัน ) รอซักพักแล้วก็มุดดูพวกลูกยางกันฝุ่น – กันโคลง – ยางหุ้มแร็คพวงมาลัยว่ามีจุดไหนชำรุดเสียหายหรือจาระบีรั่วหมดบ้าง จากนั้นก็ปิดฝาหม้อน้ำหรือหม้อพักเช็คระดับของเหลวทุกอย่าง..

เช็ค การยุบตัวของโช้คต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไปและต้องไม่มีเสียงกระทบกันของ เหล็ก จากนั้นก็ทดลองขับ ( ถ้าไม่ให้ลองขับก็ออกมาเลยครับไม่ต้องเอา ) ดูความสม่ำเสมอของอัตราเร่งต้องไม่กระตุก รอบเครื่องกับความเร็วต้องสัมพันธ์กันไม่ใช่รอบสูงแล้วแต่รถไม่วิ่งก็ใช้ไม่ ได้ พยายามหาถนนที่โล่งอัดและลากเกียร์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ที่ดีที่สุดคือต้องไม่มีการสะดุดของเครื่องเลยและ การสับเปลี่ยนเกียร์ ( ธรรมดา ) จะต้องลื่นเข้าง่ายไม่มีเสียงโครกครากให้ได้ยินอันหมายถึงความเสื่อมสภาพของ ครัทช์หรือครัทช์ที่เคยไหม้มาก่อน จากนั้นก็รักษาความเร็วไว้ที่100-120แล้วเบรคแรงๆต้องไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด – อาการปัด – พวงมาลัยสั่น – รถสั่นทั้งคันต้องไม่มีให้เห็นถ้าเล็กน้อยก็ไม่เป็นไรพอรับได้ครับ ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็จะเบรคจนรถหยุดเลยเครื่องต้องไม่ดับด้วยจาก นั้นลองมองหาปั๊มก็จะเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันหาที่โล่งหมุนพวงมาลัยซ้าย – ขวาสุด ( ทีละด้าน )แล้วเร่งเครื่องออกตัวแรง ๆ ต้องไม่มีเสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ของเพลาหรือลูกหมากนะครับ

ตลอดเวลาที่ขับที่หน้าปัดต้องไม่มี สัญญานอะไรกระพริบขึ้นมาและเกย์ความร้อนต้องนิ่งประมาณกลาง ๆ โดยไม่เลื่อนขึ้นลงจึงจะถือว่าเยี่ยม เมื่อออกจากปั๊มมาก็จะมองหาหมู่บ้านจัดสรรน่ะครับเจอปุ๊บก็เลี้ยวเข้าไปเลย หาช่องที่มีเนินปูนกันรถวิ่งเร็ว ๆ นั้นแหละครับ มองหน้าคนที่ขึ้นรถมากะเราด้วยแล้วอัดไม่ต้องเกรงใจมานนนเลยครับ อิอิ ประมาณ60ลุยยยยยย ทดสอบช่วงล่างซัก2-3จุดเพื่อทดสอบช่วงล่างจะต้องไม่มีเสียงดังของเหล็กกระทบ กันให้ได้ยินแต่ถ้าเป็นเสียงทึบ ๆ ของโช้คหรือสปริงก็ปกติ จากนั้นก็เอารถไปคืนแล้วลงจากรถมาดูสภาพของยางว่าจะยังสามารถใช้งานต่อไปได้ มากน้อยเพียงใด ( เพื่อเป็นข้อมูลต่อราคา งกเนอะ55555++++ )ถ้ายางมีกลิ่นเหม็นไหม้หรือสึกแบบดำอย่างเห็นได้ชัดและกดดูที่ดอกแข็งๆ ( ทั้งที่ยังร้อนอยู่ ) แสดง ว่าหมดสภาพเพราะถึงแม้จะไปเซาะร่องยางมาการวิ่งดังกล่าวจะแสดงผลทันที เสร็จเอาข้อมูลที่เก็บไว้ว่ามีจุดไหนชำรุดเอาไปต่อรองราคากันครับ

การ ต่อรองการวางเงินจองให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่น 2-5 พัน ( ไม่ควรเกิน 1หมื่นบาท ) ยิ่งมีการเรียกเงินมัดจำสูงเท่าไหร่ยิ่งเป็นการส่อแววความไม่ซื่อสัตย์มาก เท่านั้นนะครับ

ต้องตกลงกันก่อนว่าขอถ่ายภาพรถคันที่จะวางเงินมัดจำถ้าไม่ยินยอมก็ยกเลิกเลยครับ
ทำ การถ่ายรูปรถคันนั้น ทุกซอกทุกมุมให้ละเอียดและทำการล้างอัดทันที ( ไม่เกิน 1 วันหลังจากถ่าย ) พร้อมเก็บหลักฐานการล้างอัดรูปไว้ด้วยเพื่อเป็นการป้องกันการเปลี่ยนถ่าย อะไหล่ออกจากตัวรถและเป็นหลักฐานว่าจะมีการซ่อมหรือแก้ไขตามข้อตกลง ( อาจจะมีการใช้นิ้วหรือมือชี้ระหว่างถ่ายรูปในจุดที่ตกลงกันว่าจะแก้ไขให้ เรียบร้อย )

อ้อ!อย่าลืมตกลงระบุลงในใบจองให้เรียบร้อยว่าค่าใช้จ่าย บางส่วนเช่นค่าโอน ใครจะเป็นคนจ่ายด้วยนะครับ ทางที่ดีวันที่ทำสัญญาซื้อ-ขายหรือเช่าซื้อและวันรับรถให้เป็นวันเดียวกัน และให้เร็วที่สุดนับจากวันจองวันต่อวันยิ่งดีครับ

โดยส่วนตัวแล้วถ้า ไม่ยึดติดกับค่านิยมป้ายแดงและยี่ห้อ และถ้าอยากได้รถดี ๆ ใช้งานในสภาพดี ราคาคุ้มค่าน่าลงทุน ซึ่งความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปของแต่ละคนคงไม่เหมือนกันเพราะบางท่านก็อาจ จะมองว่าการได้ยี่ห้อยอดนิยมมานั้นคือความคุ้มค่าแล้ว ส่วนมุมมองของผมคือการใช้งานจริงๆอย่างสบายใจไร้ปัญหากับการลงทุนที่ต่ำกว่า โดยตัดเรื่องค่านิยมของยี่ห้อและรถป้ายแดงออกไปครับ

อีกอย่างเปิด ฝากระโปรงท้ายขึ้นมาก็ดู ( สังเกตุรอยของจุดเม็ดรอยอาร์คด้วยนะครับว่าเรียบร้อยมั้ย ยับยู่ยี่ มากมั้ยสังเกตุเปรียบเทียบทั้งสองข้างนะครับ ) แล้วก็เปิดผ้า พรม หรือไม้ที่ปิดไว้ ออกก็จะเห็นยางอะไหล่เอายางอะไหล่ออกมาเลยครับลองมองดูรายละเอียดต่าง ๆ ดูรอยเม็ดรอยอาร์คด้วยนะครับ มันจะต้องเรียงกันสวย ฯลฯ

จริง ๆ คงอธิบายยาวกว่านี้เยอะครับ แต่ที่ว่ามาก็เป็นการดูรถมือสองเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ แต่ที่ว่ามาก็เป็นจุดสำคัญต่าง ๆ ที่เราต้องรู้ครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากยูบีเอ็มไทย ดอท คอม ครับ.

ดูเนื้อหาเกี่ยวข้อง>เวอร์ชั่นPC-NoteBook >>

http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php/topic,98724