ฝรั่งฉุน ! เตะหลัง “แพทย์หญิง” ไม่พอใจนั่งหน้าบ้าน เมียฝรั่งลั่น รู้จัก“ตำรวจใหญ่”
..แพทย์สาวร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกชายต่างชาติร่างใหญ่ เจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างชื่อดังที่ภูเก็ตทำร้าย เหตุเพราะไปนั่งพักที่บันไดริมหาดหน้าวิลลาส่วนตัว เมียต่างชาติที่เป็นคนไทยขู่ซ้ำ มีลูกชายเป็นตำรวจ รู้จักตำรวจยศใหญ่ บอกยิงตายก็ไม่ผิด..
แพทย์หญิงคนหนึ่งเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.ถลาง หลังถูกชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 45 ปี ทำร้ายร่างกายเตะเข้ากลางหลัง เหตุเกิดที่ริมหาดแหลมยามู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยพ่อของแพทย์หญิงรายนี้ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังของภาคใต้ โพสต์เล่าเรื่องราวว่า ลูกสาวเป็นหมออยู่ภูเก็ต วันเกิดเหตุประมาณ 19.30 น. ตรงกับวันมาฆบูชา ผู้เสียหายไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกัน จากนั้นชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะแถวบ้าน บริเวณแหลมยามู เพื่อดูพระจันทร์เต็มดวง ขณะที่เข้าไปในพื้นที่ยังทักทายกับ รปภ. ที่ดูแลวิลลาละแวกนั้น
เดินเล่นสักพัก แพทย์หญิงจึงไปนั่งตรงบันไดของวิลลาริมทะเล ที่ยื่นลงมาตรงชายหาด จากนั้นรู้สึกเหมือนมีคนเดินมาข้างหลัง และรู้สึกเหมือนหน้าแข้งมาโดนที่กลางหลังจนสะเทือนไปทั้งตัว เมื่อได้สติปรากฏว่าถูกชายชาวต่างชาติ ตัวใหญ่ น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม เตะกลางหลัง ผู้ก่อเหตุอยู่ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม ถือโทรศัพท์อัดวิดีโอ ด่าคำหยาบสารพัด
สักพักมีหญิงชาวไทย คาดว่าเป็นภรรยาเดินออกมาจากวิลลา ช่วงแรกคิดว่าจะคุยกันได้ แต่หญิงคนนี้กลับด่าด้วยคำหยาบคาย ขึ้นกูมึง บอกว่า สองตัวนี้มานั่งหน้าบ้านกู พวกมึงรู้ไหม ต่อให้พวกกูยิงพวกมึงตาย กูก็ไม่ผิด เพราะลูกกูเป็นตำรวจ และรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต กูจะเอาพวกมึงเข้าคุกให้ได้ กูจะโทรหาท่านรองเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็โทรหาตำรวจยศใหญ่ว่าให้ส่งตำรวจมา
คุณหมอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาบุกรุก และไม่คิดว่าชายหาดจะมีเจ้าของ ส่วนบันไดวิลลาอยู่ในพื้นที่ของชายหาด ซึ่งผ่านไป 15 นาที มีตำรวจ 2 นายมา แล้วพยายามไกล่เกลี่ย สรุปตำรวจบอกว่า ผิดทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายแพทย์สาวผิดข้อหาบุกรุก มีโทษหนัก ต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายคนก่อเหตุแค่ทำร้ายร่างกาย จ่ายเงินก็จบ ส่วนฝรั่งยังพูดใส่แพทย์หญิงเป็นภาษาอังกฤษว่า อ๋อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้ไหม ฉันไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลลาเดือนละล้านบาท มาให้พวกมึงนั่งหน้าบ้านกู
สุดท้าย แพทย์หญิงเมื่อไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง จึงทราบว่า ชาวต่างชาติที่ทำร้ายร่างกายเป็นเจ้าของปางช้างชื่อดังที่ภูเก็ต ที่บอกว่าจะปกป้องดูแลช้าง ไม่ทำร้ายช้าง แต่ทำร้ายผู้หญิง โดยแพทย์หญิงต้องการขอความเป็นธรรมในคดี ขอให้อายัดตัวนักธุรกิจรายนี้ จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด..
ชมรมต้านทุจริตภาคใต้ จี้สอบบันไดวิลลา รุกหาดหรือไม่
ขณะที่ เพจชมรม Strong ต้านทุจริตภาคใต้ ได้โพสต์ตั้งคำถามว่า เหตุใดตรวจสอบไม่พบเอกสารสิทธิ์ในระบบในพื้นที่วิลลาดังกล่าว ไม่ทราบว่าเป็นที่ดินรูปแบบใด และอีกโพสต์บอกว่า ที่ดินดังกล่าวมีลักษณะเป็นหาดส่วนตัว แม้จะมีสถานะเป็นหาดสาธารณะ แต่ทางเข้าออกเหมือนจะผ่านทางวิลลา ควรตรวจสอบเพิ่มเติมว่าหมอเข้าไปถึงชายหาดด้านหลังเขาตรงวิลลาที่เกิดเหตุได้ด้วยวิธีไหน แต่บันไดที่เกิดเหตุจากภาพถ่ายดาวเทียมจะเห็นว่าอยู่บนชายหาด การก่อสร้างที่รุกล้ำสาธารณะ จะไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ควรให้เทศบาล หรือ อบต. เข้าไปตรวจสอบว่าการก่อสร้างดังกล่าวรุกล้ำที่สาธารณะหรือไม่ หรือหากอยู่ในแนวเขตครอบครองกรรมสิทธิ์ก็ควรตรวจสอบว่าตรงตามแบบที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างหรือไม่ และหากเป็นกรณีที่นั่งพักเฉย ๆ ที่บันได โดยใช้ทางสาธารณะเข้าหาด ไม่น่าเป็นการบุกรุก เพราะไม่มีรั้วกั้น หรือป้ายติดสถานที่ส่วนบุคคล..
พร้อมทิ้งท้ายว่า เทศบาลต้องเข้าไปตรวจสอบและชี้แจงเรื่องใบอนุญาตก่อสร้าง โดยเฉพาะบันไดลงหาด ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคารหรือไม่ รวมถึงประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยมีเอกสาร เขตประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีข้อห้ามการใช้พื้นที่ รวมทั้งการกำหนดแนวถอยร่นจากหน้าหาดไปจนถึงชายทะเล ที่จะต้องไม่มีการใช้ประโยชน์ที่ระยะ 30-50 เมตร
ซึ่งกรณีนี้มีนักกฎหมายหลายท่านให้ความเห็นว่า ไม่น่าเข้าข่ายคดีบุกรุก เพราะทางคุณหมอขาดเจตนาในการบุกรุก และล่าสุด มีรายงานว่า พ.ต.อ.นิกร ชูทอง ผู้กำกับการ สภ.ถลาง ปฏิเสธว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับทางฝั่งสามี-ภรรยาเจ้าของวิลลา ซึ่งในวันที่29 ก.พ.67 แพทย์หญิงจะเดินทางไปให้ปากคำ รวมถึงมอบเอกสารตรวจร่างกายให้พนักงานสอบสวน สภ.ถลาง และต้องติดตามเรื่องการตรวจสอบพื้นที่กับเทศบาลต่อไป.
เกาะสมุยเดือด!!มาเฟียอิสราเอล ขับรถไล่เหยียบมอเตอร์ไซต์..ยิ่งกว่าหนัง