รัฐบาลจ่ายเงินผ่าน ธ.ก.ส.ช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท โอนเข้าบัญชีโดยตรง เริ่ม 28 พ.ย.2566
เตรียมจ่ายเงินช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ ตามนโยบายรัฐบาล 5.4 หมื่นล้าน เริ่ม 28 พ.ย.2566 นี้ เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง แบ่งเป็น 5 รอบ พร้อมทั้ง 2 มาตรการคู่ขนาน ผ่านสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกฯ และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวฯ
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 และคณะกรรมการ ธ.ก.ส โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ได้เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ขับเคลื่อนภารกิจ ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้มีรายได้และสภาพคล่องในการใช้จ่าย รวมถึงการพัฒนาคุณภาพ ผลผลิตข้าวให้สามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้นผ่านโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 วงเงิน 54,336 ล้านบาท
ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2566/67 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด ไม่เกิน 20 ไร่ เป้าหมายเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน พร้อม จัดทำแผนการโอนเงินส่งถึงมือเกษตรกร เป็นรายภูมิภาค แบ่งเป็น 5 รอบ เริ่มตั้งแต่ 28 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
ซึ่งเกษตรกร สามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้า บัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family อีกด้วย
ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รัฐบาลได้มอบนโยบายในการจัดทำมาตรการคู่ขนาน เพื่อดูแลและรักษา เสถียรภาพราคาข้าวเปลือกแบบครบวงจร อีก 2 มาตรการ ได้แก่
1.สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 วงเงินรวม 34,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการ ขายข้าว โดยไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากและราคาตกต่ำ โดยรัฐบาลรับภาระในการชำระ ดอกเบี้ยแทนเกษตรกร และ ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้เกษตรกรอีก 1,500 บาทต่อ ตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเอง ได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อย สามารถ แจ้งความประสงค์เข้าร่วมสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีได้ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)
2.สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67 วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท โดยสหกรณ์ การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชนที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจาก เกษตรกรสมาชิก และเกษตรกรทั่วไป โดยสถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลรับภาระชำระแทน.
cr:https://www.thairath.co.th/agriculture/agricultural-policy/2743192