เงินๆงานๆ-อาชีพ » ลงทุนซื้อ “”ทอง”” เก็บไว้ดี?/ จริงมั๊ย?“ทองคำ” ชอบข่าวร้าย ไม่ชอบข่าวดี

ลงทุนซื้อ “”ทอง”” เก็บไว้ดี?/ จริงมั๊ย?“ทองคำ” ชอบข่าวร้าย ไม่ชอบข่าวดี

28 มกราคม 2021
1791   0

ลงทุนซื้อ “”ทอง”” เก็บไว้ดีมั๊ย?
เคยมีประสบการณ์ถามตัวเองหรือถามคนอื่นไหมว่า
“จะซื้อทองเก็บไว้ดีมั้ย” ?
“ลงทุนในทองดีหรือเปล่า” ?
“ซื้อทองแท่งหรือทองรูปพรรณดี” ?
“ซื้อทองจริงๆดี หรือ ไปซื้อกองทุนดี” ?
วันนี้จะมาขอแบ่งปันความรู้เล็กๆน้อยๆ เผื่อจะเอาไปใช้พิจารณากันนะครับ ว่าจริงๆแล้ว เราควรลงทุนในทองคำหรือไม่
อยากที่เคยบอกไปนะครับ จะลงทุนอะไร ก็ควรศึกษาสิ่งๆนั้นให้ดี ก่อนที่เราจะเอาเงินของเราไปฝากเอาไว้ หากไม่ศึกษาให้ดี แล้วไปลงทุน ก็คือ นักเก็งกำไร หรือ ผู้ติดตาม (follower) ซึ่งแต่ละคน มีจริตหรือการรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน..

Q : ทำไม “ทองคำ” ถึงมีค่ามากกว่าโลหะชนิดอื่นๆ และเป็นโลหะเพียงไม่กี่ชนิดที่ซื้อขายกันทั่วโลก
A : เหตุเพราะทองคำนั้น มีคุณสมบัติพิเศษคือ จะไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีกับโลหะอื่นๆ ในสภาวะปกติธรรมดา, ด้วยคุณสมบัติของมัน จึงนำมาใช้ประโยชน์ในหลายๆ อุตสาหกรรมได้ ตลอดจนกระบวนการการผลิตมีความซับซ้อนและมีต้นทุนสูง
Q : ชาวโลก กับ ชาวไทย เขาลงทุน ทอง กันอย่างไร
A : ชาวโลก เขาซื้อขายทองคำกันที่ความบริสุทธิ์ 99.5% ส่วนชาวไทยเรา ซื้อขายที่ความบริสุทธิ์ 96.5% (ระยะหลังก็เริ่มมี 99.5% บ้างแล้ว แต่ที่นิยมๆ ยังคงเป็น 96.5% อยู่) โดย ชาวโลก เขาซื้อขายกันเป็นหน่วย “กรัม” หรือ “ทรอยออนซ์” (ทรอยเอาซ์) ส่วนชาวไทย ซื้อขายกันเป็นหน่วย “บาท”
1 ทรอยออนซ์ = 31.1034768 g
1 บาท = 15.244 g (ทองคำแท่ง) / 15.16 g (ทองรูปพรรณ)www.pohchae.com
Q : อะไรที่จะกำหนดราคาทองคำในบ้านเราบ้าง
A : แบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ
1. ด้านอุตสาหกรรม พวก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกซ์ การแพทย์ เครื่องประดับ อัญมณี
2. ด้านการลงทุน
โดยราคาทองคำในไทย เราจะดูอยู่ 2 ตัวนะครับ คือ “ราคาทองคำในตลาดโลก” และ “ค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐ” (หรือจะบอกว่า เราดูอัตราแลกเปลี่ยน ก็ได้)
Q : ทองคำ มีความสัมพันธ์กับ สินทรัพย์อื่นๆ อย่างไร
A : โดยปกติแล้ว ทองคำ มักมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับ การลงทุนอื่นๆ อาทิเช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือ ดอกเบี้ย หากสินทรัพย์ดังกล่าวมีค่าสูงขึ้น ทองคำก็มักจะมีค่าลดลง (ปัจจุบัน เริ่มไม่แน่เสมอไปนะครับ) แต่โดยทฤษฎีแล้ว มันก็จะเป็นแบบนั้น (เอาว่า เวลาตลาดหุ้นมันดี ไม่มีใครอยากเอาเงินมาซื้อทองนะ ใครๆ ก็อยากเอาไปลงหุ้นกันหมด แต่พอเริ่มไม่มั่นใจในสถานการณ์ของตลาด หรือสถานการณ์โลก นักลงทุนก็มักจะวิ่งเข้าหา สินทรัพย์ ที่ดูปลอดภัยเสมอ อย่างเช่น ทองคำ)
Q : ควรจะซื้อทองเก็บไว้บ้างไหม
A : โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ยังไงเราก็ควรมีทองคำเก็บไว้บ้างนะครับ เพราะในทางการเงิน “ทองคำ” ก็ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย บางครั้งราคาอาจไม่ได้ขยับมาก แต่รับรองเลยว่า ในระยะยาว อย่างน้อยมันจะขยับเท่ากับเงินเฟ้อ (พูดง่ายๆ ก็คือ มูลค่าทรัพย์สินของเราไม่ได้ด้อยค่าลงไป เหมือนกับเราถือเงินสด)
Q : ควรจะมีไว้เท่าไหร่ดี
A : จริงๆ อันนี้ก็แล้วแต่จริตของคนนะครับ บางคนชอบทองมากก็สะสมมาก แต่ในฐานะนักลงทุนหรือหากเราต้องการกระจายทรัพย์สิน (Asset Allocation) โดยส่วนตัว ผมก็คิดว่า ควรจะมีเก็บไว้ใน port เราสัก 10-15% ของมูลค่าทรัพย์สิน (บางคนถามว่า ผู้เขียนเอามาจากไหน …. ผมก็ไม่ได้มโน หรือ ยกเมฆ อะไรขึ้นมา เอาว่า เงินสำรองของประเทศเราเราก็เก็บอยู่ในรูปทองคำที่ประมาณ 10% บางประเทศก็เก็บมากกว่านะครับ ผมก็คิดว่า ก็เอาตามบ้านเราก็ได้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หากเราเก็บมากเกินไป เช่น ไปเก็บสัก 50% มันก็ทำให้เงินเราโตช้าในสภาวะเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นปกติ สูญเสียโอกาสการลงทุนไปเปล่าๆ (เพราะอย่าลืมว่า “ทองคำ” ชอบข่าวร้าย ไม่ชอบ ข่าวดี, ใครเก็บในรูปทองคำจริงๆ มันก็ไม่งอกลูกงอกหลานออกมา) แต่ถ้าเกิดสงครามขึ้นมาเมื่อไหร่ “ทองคำ” จะดีดตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะ เงินต่างๆที่เราถือ อาจกลายเป็น เศษกระดาษชั่วข้ามคืน ขณะที่ ทองคำนั้น เป็นสินทรัพย์สากล ซื้อขายได้ทั่วโลก
Q : ซื้อทองแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ หรือ กองทุนทองคำดี
A : ผมแยกเป็นประเด็นแบบนี้แล้วกันนะ ใครชอบแบบไหน ก็ลงแบบนั้น
ทองคำแท่ง : ไม่มีค่ากำเหน็จ ไม่เน้นสวมใส่ เน้นการลงทุนเป็นหลัก …
ทองรูปพรรณ : มีค่ากำเหน็จ (เสมือนมีค่าธรรมเนียมซื้อขาย) แต่ข้อดีคือ เอามาสวมใส่ เป็นเครื่องประดับได้ ไม่ได้เน้นลงทุนในเบื้องต้น
กองทุนทองคำ : ซื้อง่าย ขายคล่อง ไม่ต้องแบกภาระในการเก็บรักษา เน้นการลงทุน 100%
บทเรียนจากอดีต :
พวกเราคงจำกันได้นะครับ ในอดีตไม่ถึง 15 ปีดี ทองคำแท่งบ้านเรา ราคาอยู่ที่บาทละ 5,000-6,000 บาทเท่านั้น อยู่ๆ ก็กลายเป็น 12,000 และกระโดดไปอย่างรวดเร็วที่ 20,000 จนไปถึง 27,000-28,000 ช่วงนั้นหลายคนเห็นราคาแล้วก็แห่กันไปซื้อ เพราะมีคนบอกว่า ราคาจะถีบตัวไปที่ 30,000 หรืออาจมากกว่านั้น
จนถึงวันนี้ ผมก็พอสืบทราบได้ว่า มีชาวเพื่อนหลายท่าน กลายเป็น ชาวดอย อย่างจำใจ เหตุเพราะเห็นเขาว่าดี ก็คิดว่าดี แห่ไปซื้อทองเก็บไว้ ตอนนี้ ก็เลยมีทั้ง “ม้ง” “แม้ว” “กะเหรี่ยง” “คอยาว” สุดแล้วแต่ว่า ใครซื้อช่วงไหน
อย่างที่ผมบอก ปัจจัย ที่กำหนดราคาทองคำ บ้านเรามี 2 ตัวแปรสำคัญคือ “ราคาทองคำในตลาดโลก” และ “อัตราแลกเปลี่ยน” วันที่ประเทศเราประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ก็ทำให้ ทองบ้านเรา ดีดตัวสูงขึ้นไปเป็นประวัติการณ์ (ขณะที่ราคาทอ’คำ ในตลาดโลกขณะนั้น ปรับตัวลดลงด้วยซ้ำ) อันนี้โทษกันไม่ได้ ช่วงนั้นประเทศเรา ก็ถือว่าเข้าสู่ภาวะแทบจะล้มละลาย คนล้มกันเป็นแถว อีกเหตุการณ์ก็คือ การปั่นราคาทองคำขึ้นไป โดยไม่มีเหตุปัจจัยใดๆ (ช่วงนี้แหละ ที่เราย้ายไปอยู่ดอยกันเยอะ)
เราอยู่เมืองพุทธ “พระพุทธเจ้า” สอนเราไว้ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมีเหตุมีปัจจัยของมันทั้งสิ้น” หากเราเอามาประยุกต์ใช้ เราก็จะมีสติครับว่า “หากไม่มีเหตุผลใดๆแล้วไซร์ วันหนึ่งมันก็จะกลับเข้ามาสู่จุดๆเดิมที่มันควรจะเป็นเสมอ” หรืออะไรที่มันพีคมากๆ อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีสาเหตุ ก็ให้ระมัดระวังไว้ (มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะในบ้านเมืองนี้)
เหมือนมีคนบอกเราว่า “เดือนหน้าหุ้นจะตก ให้เรารอจังหวะซื้อตอนนั้น” หรือ “เดือนหน้าหุ้นจะขึ้น ให้รีบซื้อตอนนี้เก็บไว้เลย” …………….. คำถาม อะไรคือเหตุให้เป็นอย่างนั้น ?
สำหรับผม หากไม่มีเหตุผลที่เพียงพอบอกผมได้ ผมก็ถือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตได้ และหากไม่มีความโลภ มีเหตุและผล เข้าใจความเป็นมาเป็นไป อาจไม่ได้รู้ลึก แต่พอรู้อยู่บ้าง หรือ แค่มีเหตุมีผลในการลงทุน เราก็จะลงทุนอย่างมีสติ ความโลภก็จะครอบงำใจไม่ได้ ……
วันนี้ ได้ทั้งทางโลกและทางธรรมเลยนะครับ ^^
วางแผนการเงินอย่างพอเพียง
Cr : Wanchai K.

ทองคำแท่งมาตรฐาน มีขายตั้งแต่ขนาดกี่บาท