ลำไยสุกแล้วที่จันทบุรี เกือบหมื่นล้านกำลังถึงฤดูเก็บเกี่ยวแต่กลับไม่มีแรงงานเก็บ
—
18 ส.ค. 63 ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบบรรยากาศการค้าชายแดน ณ จุดผ่านแดนถาวรไทย กัมพูชา หมู่บ้านแหลม หมู่ 4 ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี หลังจากการปิดด่านทั่วประเทศเกือบ 5 เดือนหรือตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 63 เป็นต้นมา พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่คึกคักเหมือนที่เคยเป็น มีเพียงรถบรรทุกสินค้าลำเลียงสินค้าจากไทยเข้าไปยังกัมพูชาเป็นระยะๆ กับมีเพียงการค้าประปรายตามร้านค้าที่เปิดเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น..
“กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รับผลกระทบหนัก เพราะถึงฤดูการเก็บเกี่ยวแล้ว ถ้าภาครัฐยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือ ผลผลิตจะเน่าเสียหายคาต้น สูญรายได้ในภาพรวมไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทแน่นอน”
สวนลำไยภายใน อ.โป่งน้ำร้อน และ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี สองพื้นที่ทีมีการเพาะปลูกลำไยกันมาก เห็นแทบทุกสวนลำไยเริ่มให้ผลผลิตแล้ว รวมกันแล้วผลผลิตใกล้ออกอีก 300,000 ตัน โดยบางสวนสามารถเก็บเกี่ยวขายได้ แต่ไม่พบว่ามีแรงงานชาวกัมพูชาเข้ามาเก็บเลย
เช่นเดียวกันล้งรับซื้อลำไยภายใน 2 อำเภอดังกล่าว ปรากฏว่ายังไม่มีการลำเลียงลำไยเข้าสู่ล้งเพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศจีนแต่อย่างใด
“ผู้ปลูกลำไยในจังหวัดจันทบุรีพบว่ามีทั้งสิ้นกว่า ๑๕๐๐๐ ครอบครัว และในฤดูกาล ๒๕๖๓-๒๕๖๔ คาดว่าจะมีปริมาณลำไยสดไม่น้อยกว่า ๒๒๒,๐๐๐ ตัน มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า ๑๐,๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท”
ด็อกเตอร์รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า เวลานี้ จ.จันทบุรี กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงจากปัญหาขาดแคลนแรงงานเก็บลำไย ทั้ง ๆ ที่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวลำไยแล้ว กำลังมีลำไยที่รอให้เก็บเพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศจีนมากถึง 8,500 – 9,000 ล้านบาท
เงินจำนวนนี้กระจายอยู่ในมือชาวสวนลำไยใน จ.จันทบุรี ทุกคน ที่ผ่านมาทุก ๆ ชาวสวนลำไยของ จ.จันทบุรี ไม่เคยสร้างปัญหาความเดือดร้อนหรือเรียกร้องใด ๆ จากรัฐบาลเลย ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ขอเพียงแค่รัฐบาลอนุญาตให้แรงานจากประเทศกัมพูชาเข้ามาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เท่านั้น ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ เพราะ อ.สอยดาว และอ.โป่งน้ำร้อน เป็นอำเภอที่มีพรหมแดนเชื่อมต่อกับกัมพูชา แค่ให้แรงงานเข้ามาทำงานโดยมีมาตรการควบคุมไวรัสโควิด 19 ก็จะคลี่คลายปัญหานี้ทันที