เกษตร » B20 .. อีกหนึ่งทางออก รับมือ “ปาล์ม” ทะลัก 3 ล้านตัน

B20 .. อีกหนึ่งทางออก รับมือ “ปาล์ม” ทะลัก 3 ล้านตัน

6 กรกฎาคม 2019
799   0


——————-

ทันทีหลังห้างโมเดิร์นเทรดชื่อดังประกาศว่าจะปฏิบัติตามนโยบายของกรมการค้าภายใน โดยขอยุติการทำโปรโมชั่นและกลับมาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในราคาสูงกว่าโปรโมชั่น 10 บาท กลายเป็นเผือกร้อนถึง “นายวิชัย โภชนกิจ” อธิบดีกรมการค้าภายในทันที หลังจากอธิบดีเพิ่งสวมหัวใจสิงห์จัดระเบียบให้สินค้ายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุม ต้องหันมาแก้ปัญหาปาล์มร้อนอีก”ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษอธิบดีกรมการค้าภายในถึงประเด็นดังกล่าว..

ย้อนรอยปมร้าว

ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นทางห้างได้ชี้แจงว่า สื่อสารผิดพลาด แต่เราไม่ได้เจตนาที่จะห้ามเขาทำโปรโมชั่น เพียงแต่ต้องการสื่อว่ารัฐบาลทุ่มสรรพกำลังในการแก้ปัญหาเพื่อช่วยชาวสวนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เราเพียงขอร้องอย่าใช้น้ำมันปาล์มมาทำมาร์เก็ตติ้งลดราคา เพื่อดึงให้คนไปซื้อสินค้าอื่น ไม่ได้ห้าม เคสแบบนี้เรากำลังช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาราคาปาล์มอยู่ เราไม่ได้หมายถึงบอกว่าต้องไปขึ้นราคา 10 บาท แต่ให้ขายในราคาสอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบปาล์ม จาก กก.ละ 2 บาท เป็น 3.50 บาทต่อ กก. ราคาซีพีโอขึ้นมาเป็น 18-19 บาท ควรขายเท่าไรเปรียบเทียบกับห้างอื่น ซึ่งเทียบกันแล้วราคาจำหน่ายแต่ละแห่งที่แจ้งมายังกรมอยู่ระหว่าง 26.00-34.00 บาท มีเพียงห้างดังกล่าวที่ราคาต่ำกว่า ซึ่งเราเกรงว่ามาตรการทั้งหมดที่ออกไปจะสวนทางกัน..

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ท่านนายกรัฐมนตรีได้ออกมาสรุปภาพรวมถึงมาตรการช่วยเหลือของรัฐที่ดำเนินการไปว่าช่วยทำให้ราคาผลปาล์มขึ้นไปถึงสูงสุด 4.20 บาทต่อ กก.ในสุราษฎ์รธานี กระบี่ ชุมพรในบางพื้นที่ และราคาเฉลี่ยตลาดทั่วไปตอนนี้อยู่ที่ กก.ละ 3.80 บาทจากที่เคยลดลงต่ำมาก

เตรียมรับมือปาล์มล๊อตใหม่
กรณีที่คาดการณ์ว่าผลผลิตปาล์มลอตใหม่จะออกช่วงเดือนกรกฎาคมนี้กรมไม่ห่วงเพราะปัจจุบันสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเหลือ 260,000 ตัน อยู่ในระดับเทียบเท่าเซฟตี้สต๊อก โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในมือโรงสกัด ประกอบกับยอดขายน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ บี 20 ดีมาก ซึ่งการประเมินเราว่าผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะออกสูงสุดเฉลี่ยไม่เกินวันละ 45,000 ตัน เทียบกับที่เคยออกมาในอดีตสูงสุดเดือนกรกฎาคมวันละ 63,000 ตัน

ดังนั้น จึงยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่มเพราะเรายังมีโครงการที่ขอความร่วมมือให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเหลืออีก 140,000 ตัน พร้อมออกมาซื้อเมื่อไรก็ได้หากราคาต่ำผิดปกติฟื้นการส่งออก

ปัจจุบันไทยมีการส่งออกเดือนละ 20,000-30,000 ตัน ยังไม่มีนัยสำคัญเพราะตลาดโลกยังป้อแป้ มาเลเซียก็มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ 2.5 ล้านตัน อินโดนีเซียมีสต๊อก 5 ล้านตัน รวม 8 ล้านตัน สูงมากๆ

ซึ่งนโยบายทางอินโดนีเซียก็หันมาทำพลังงานเหมือนเรา โดยเฉพาะอินโดนีเซียยกระดับการผลิตไปถึงไบโอดีเซล B25 แล้ว

แผนการพัฒนาไบโอดีเซล

หากไทยทำ B20 หากครบหมดจะใช้วัตถุดิบเกือบ 2 ล้านตัน ซึ่งตอนนี้มีผู้ค้าน้ำมันร่วมจำหน่าย B20 แล้ว 11 ราย แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ เช่น feeder, สถานีบริการ, ม.10 และ jobber รวม 1,113 สาขา (ตาราง) คิดรวมปริมาณ 15 ล้านลิตร/วัน เป็นไปตามแผนรัฐบาล

ส่วน B100 ยังเดินไปถึงยาก เพราะต้นทุนสูง เช่น หากราคาผลปาล์ม กก.ละ 4 บาท จะใช้ทำน้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิต B100 ต้อง 5.5 คูณ จะมีต้นทุน CPO 22 บาทต่อลิตร และมาผลิต B100 มีต้นทุนลิตรละ 3 บาท รวมเป็น 25 บาท สูงกว่าราคาจำหน่ายดีเซล B20 ลิตรละ 21.50 บาท ซึ่ง B100 จะอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ต้องไปมิกซ์กับน้ำมันดีเซลจากฟอสซิล การที่รัฐบาลเวฟให้ลิตร 5 บาทได้ก็จะไม่รอด ส่วนที่มุ่งจะสนับสนุน B10 แทน B7 ซึ่งเป็นมาตรการบังคับเพราะสามารถนำมาทำเป็น B100 ไฮเพียวได้ ณ วันนี้ การรับรอง B100 ยังไม่ถึง 1 ล้านลิตรต่อวันเลย ผลิตได้เพียง 9 แสนลิตรต่อวัน ขณะที่ความต้องการมีถึง 7.682 ล้านลิตร

ส่วน B10 เป็น B20 ไม่จำเป็นต้องเรียกร้อง B100 ไฮเพียว ราคาไม่ต่างกัน ซึ่งที่ใช้อยู่ 5 ล้านลิตรต่อวัน ไม่ได้เป็นไฮเพียว B100 ดังนั้น รัฐบังคับให้ทำ B10 เป็นไฟต์บังคับเลิก B7 ซึ่งบางปั๊มพร้อมแล้ว แต่รถบางรุ่นยังไม่กล้าเติม ส่วน B20 อาจจะเป็นความสมัครใจ แต่เขาให้การรับรองเป็นมาตรฐานแล้ว แต่ยังบังคับไม่ได้เพราะมีรถยนต์บางประเภทที่ใช้น้ำมัน B20 ไม่ได้

กลยุทธ์ Demand Driven ปาล์ม

ชั่วโมงนี้แค่ทำอย่างไรให้รับปาล์ม 3 ล้านตันที่จะออกในเดือนกรกฎาคมให้ได้ก่อน เพราะถ้าต่อไป CPO ขึ้นมาเป็น กก.ละ 30 บาท แล้ว B100 เป็น 28 บาท ดีเซล 25 บาท แล้วประชาชนจะซื้ออะไร หรือหากเกิดปาล์มไม่ถึง 3 ล้านตันหนุนไปไบโอดีเซลหมด ผู้บริโภคก็ไม่พอใช้ มันไม่มีอะไรคอนโทรลได้ทั้งหมด การวางแผนระยะยาวก็จำเป็นก็ทำไป แต่สถานการณ์ที่ต้องปรับจูนเป็นรายวันและรายเดือนก็ต้องทำ เช่น ในส่วนของการทำกฎหมายปาล์มจบแล้วผ่าน ครม.ไปกฤษฎีกา เข้ากรรมาธิการแก้ไขแล้วแต่ทางเกษตรกรยังไม่ยอมรับเรื่องยังอยู่ระหว่างการแก้ไข หรือการทำยุทธศาสตร์ 20 ปี ก็จำเป็นต้องปรับให้สอดรับกับความเป็นจริง

ทบทวนยุทธศาสตร์ปาล์ม 20 ปี

ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เสนอเรื่องทบทวนยุทธศาสตร์ปาล์ม 20 ปี ต้องปรับใหม่ให้สอดคล้องว่าต้องผลิตผลปาล์มคุณภาพสูง 18% ถ้าต่ำกว่านี้ไม่ให้ซื้อแล้ว เป็นประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม มีผล 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็มีบทลงโทษ และวันนี้ยุทธศาสตร์ด้านดีมานด์เปลี่ยน ต้องลดการพึ่งพาการส่งออกลง เพิ่มการใช้ในประเทศ เพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทนน้ำมันรถยนต์มากขึ้น จะภาพกว้าง ชงรัฐบาลใหม่ช่วยเหลือปาล์มเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจะดำเนินมาตรการช่วยเหลือชาวสวนปาล์มต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แนวทางช่วยมีหลายวิธี เช่น การยืดอายุการใช้มาตรการสนับสนุนการใช้ บี 20 ในราคาต่ำกว่าดีเซลปกติลิตร 5 บาท หรืออาจจะใช้มาตรการรักษาสภาพราคาอย่างที่เคยใช้ในอดีต อย่างประกันรายได้ก็สามารถทำได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับแนวนโยบายเป็นหลัก.

ที่มา- https://108kaset.com/2019/07/06/palm-4/