ระยะเวลาห่างกันเพียง 5 วัน พื้นที่ กทม.เกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่แล้ว 2 ครั้ง ซึ่งสาเหตุใกล้เคียงกัน คือสายไฟลุกไหม้ และ หม้อแปลงระเบิด ซึ่งล่าสุดเกิดขึ้นที่ร้านค้าส่งย่านสำเพ็ง มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 11 คน
หม้อแปลงระเบิด? ต้นเพลิงไฟไหม้สำเพ็ง
เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ย่านสำเพ็ง ต้นเพลิงเกิดจากหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่บนเสาไฟฟ้าด้านหน้าอาคาร ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นไปลุกลามไปยังอาคาคารพาณิชย์เสียหายไป 4 คูหา มีผู้บาดเจ็บ 11 คน เสียชีวิต 2 คน
หลังจากผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็สามารถควบคุมเพลิงส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่ยังมีแสงเพลิงปะทุเป็นระยะ มีเสียงแตกร้าวของอาคารเป็นระยะ ๆ เจ้าหน้าที่ต้องถอยออกมาฉีดน้ำอย่างระมัดระวัง
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ส่งนักผจญเพลิงเข้าไปควบคุมเพลิงจากภายในอาคารและเร่งระบายกลุ่มควันที่พวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการตรวจสอบพบมีผู้บาดเจ็บ 11 คน ส่วนใหญ่สำลักควัน นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตเป็นลูกจ้างของร้านใกล้ที่เกิดเหตุ 2 คน เสียชีวิตอยู่ที่บริเวณบันไดกับห้องน้ำ เป็นชายชาวเมียนมา 1 คน และหญิงชาวไทยอีก 1 คน
และยังพบว่าอาคารทรุดตัวลงมาบางส่วน รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าอาคารพาณิชย์เสียหายไป 4 คัน ทาง สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ได้ประกาศเป็นพื้นที่อันตรายห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าไปทันที
ทีมข่าวได้สอบถามแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ และเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น เล่าว่า เห็นควันพวยพุ่งออกมาจากหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่หน้าอาคารที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นร้านขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ ก่อนจะเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จนทำให้ตกใจ จากนั้นจึงมีเปลวไฟเกิดขึ้นแล้วลุกลามเข้าไปในอาคารที่เกิดเหตุจนเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าวขึ้น ซึ่งหม้อแปลงดังกล่าวเคยระเบิดมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดก็เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้หนักสุดที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปยังอาคารพาณิชย์ใกล้เคียง
นอกจากนี้ทีมข่าวยังไปพบคลิปภาพที่มีพลเมืองดีถ่ายเอาไว้ เป็นภาพวินาทีก่อนที่หม้อแปลงจะระเบิด ความยาวประมาณ 40 วินาที โดยพบว่ามีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา ที่หน้าร้านด้านล่างยังมีพ่อค้าแม่ค้ากางร่มขายของกันอยู่
ขณะที่เจ้าของร้านที่ถูกเพลิงไหม้ บอกว่า หม้อแปลงนี้เคยระเบิดมาแล้วหลายครั้ง เป็นปัญหาซ้ำซาก ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก คาดการณ์มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ร้านนี้เปิดมา 6 ปี เป็นสาขาที่ 4 มีการทำประกันอัคคีภัยไว้ เบื้องต้นคาดว่าจะฟ้องการไฟฟ้านครหลวง และขณะนี้ตึกคงใช้การไม่ได้อีก ต้องทุบทิ้ง
ผู้ว่าฯ กทม. เร่งตรวจสอบความเสี่ยงจากเพลิงไหม้
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว โดยตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่เกิดมาจากอุบัติเหตุหม้อแปลงระเบิด และสายไฟเก่า ซึ่งเป็นปัญหาที่กรุงเทพมหานคร กำลังเร่งแก้ไขอยู่ พร้อมกันนี้ยังบอกว่า ที่ต้องมีการเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัน คือ เรื่อง “ทางหนีไฟ” โดยเฉพาะห้องแถวที่มีลูกกรง ติดเหล็กดัด ต้องปรับปรุงให้เกิดความปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัยด้วย
ส่วนอาคารสูง ต้องมีระบบดับเพลิง สปริงเกอร์ และขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการซ้อมหนีไฟ รับมือเหตุฉุกเฉิน เพราะเมื่อเกิดเหตุจะได้รู้ทางหนีทีไล่ รู้ว่าทางออกทางหนีไฟอยู่ตรงไหน
ทั้งนี้มีรายงานสรุปข้อมูลเหตุการณ์นี้จากศูนย์วิทยุพระราม 199 โดยสรุปว่า เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่หม้อแปลงไฟฟ้าหน้า บริษัท ราชวงศ์รุ่งเรือง จํากัด ซึ่งประกอบกิจการจำหน่ายถุงพลาสติกและถุงกระดาษ ก่อนที่เพลิงจะลุกลามไปโดนอาคารพาณิชย์ที่ปลูกอยู่ติดกัน 5 คูหา รวมพื้นที่ความเสียหาย 720 ตารางเมตร ..
หลังใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ในการควบคุมเพลิง เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 คน เป็นพนักงานหญิงที่ทำหน้าที่เก็บเงินร้านค้าที่ได้รับความเสียหาย และลูกจ้างชายชาวเมียนมา ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งสิ้น 11 คน ส่วนใหญ่มีอาการสำลักควันไฟ มีเพียง 1 คน เท่านั้นที่ถูกเศษกระเบื้องบาด ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ สันนิษฐานว่าเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่หม้อแปลงไฟฟ้า ก่อนเกิดการระเบิดขึ้น
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นการเกิดเพลิงไหม้ทิ้ง แม้จะมีผู้บันทึกภาพหลักฐานกลุ่มควันที่ลอยออกมาบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า หน้าอาคารพาณิชย์ ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นได้ก็ตาม ส่วนความคืบหน้าทางคดี พนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและพยานแวดล้อมไปแล้ว 11 ปาก และในวันนี้จะลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้าน นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีการสันนิษฐานเรื่องหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แน่ชัดได้ เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้าวงจรตาข่าย ที่เป็นแบบเดียวกับในที่เกิดเหตุ จะมีระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรอยู่แล้วภายในตัว ซึ่งจากการตรวจสอบระบบย้อนหลัง พบว่ามีการแสดงผลการทำงานของระบบป้องกัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าระบบดังกล่าวได้ทำงานอย่างสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จะเร่งดำเนินการตามมาตรการฉุกเฉินที่การไฟฟ้านครหลวงกำหนดไว้ และหลังจากนี้จะร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป
ขอบคุณภาพจาก : Facebook Oaky Ekarat Soyin
https://news.ch7.com/detail/578794
https://www.google.com/..0%B8%A..
ด่วน!ไฟไหม้ตึกแถว5ห้อง หน้าตลาดสำเพ็ง ชาวบ้านแตกตื่นรีบเก็บข้าวของหนีอลหม่าน (26/6/65)