เลี้ยงสัตว์ » แนะอาชีพ: เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อปูน รายได้สุดว๊าว 500,000 บาท/เดือน

แนะอาชีพ: เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อปูน รายได้สุดว๊าว 500,000 บาท/เดือน

28 เมษายน 2022
2761   0

แนะอาชีพ: เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อปูน รายได้สุดว๊าว 500,000 บาท/เดือน

วิธีเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อปูน สร้างรายได้ต่อเดือนสุดว๊าว เจ้าของฟาร์มกุ้งกนกพล ในจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเทคนิคแบบไม่มีกั๊ก..

 

ยูทูปเบอร์ชื่อดัง “เอิร์ธ สดชื่น” เจ้าของช่อง Tagple ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ นายกนกพล บุญมี เจ้าของฟาร์มกุ้งกนกพลในจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้มีประสบการณ์การเลี้ยงกุ้งมากกว่า 30 ปี และมีบ่อเลี้ยงกุ้งมากถึง 109 อ่าง
วิธีการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อปูน สามารถสร้างรายได้มากถึงเดือนละ 500,000 บาท เลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถซื้อกุ้งก้ามกราม 4 กิโลกรัมไปเพาะเลี้ยงก็จะได้มากถึง 1 ล้านตัว ส่วนวิธีเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามจะมีอะไรบ้าง งานนี้บอกเลยว่าเจ้าของฟาร์มปล่อยของแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว

แม่พันธุ์กุ้งก้ามกรามที่ดีต้องมี “ไข่ดำ-ไข่แก่” ถึงจะสมบูรณ์
นายกนกพล เผยเทคนิคการเลือกซื้อแม่พันธุ์กุ้งก้ามกราม สามารถเลือกซื้อได้ตามแหล่งขาย หรือบ่อกุ้งทั่วไป โดยจะต้องเลือกแม่พันธุ์ที่มีไข่แก่ ไข่ดำ ลำตัวสะอาดไม่มีขี้ตะไคร่น้ำถึงจะสมบูรณ์ จึงจะนำแม่พันธุ์กุ้งมาเพาะเลี้ยงได้ ซึ่งก่อนที่จะนำกุ้งมาเพาะเลี้ยง จะต้องมีน้ำสำหรับการเลี้ยงกุ้งด้วย คือ นำน้ำจืดมาผสมกับน้ำเค็ม ให้ได้สัดส่วน 15 พีพีที ตีคลอลีนให้ได้ 5 วัน เพื่อให้กลิ่นคลอรีนหมดไป จากนั้นนำน้ำเทลงไปในบ่อปูนขนาด 3 x 3 เมตร โดยปริมาณน้ำที่เทลงไปจะต้องมีระดับความสูงราว 20 ซม.

เมื่อบ่อปูนและน้ำที่จะใช้เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามพร้อมแล้วก็นำแม่พันธุ์กุ้งลงบ่อปูนได้เลย โดยปล่อยแม่พันธุ์กุ้ง 15 กิโลกรัม ในบ่อปูนขนาด 3 x 3 เมตร จากนั้นก็เปิดออกซิเจนไม่ต้องแรงมากในบ่อปูนเพื่อให้กระจายทั่วบ่อ เพื่อช่วยลูกกุ้งในวัยอ่อน

เจ้าของฟาร์มกุ้ง เผยว่าหลังจากที่นำแม่พันธุ์กุ้งลงบ่อปูนแล้วให้นำกระเบื้องมาปิดบ่อให้มืดไม่ให้มีแสงเข้า ซึ่งเช้าวันถัดมาก็จะสามารถช้อนเก็บลูกกุ้งได้โดยเปิดกระเบื้องเพียงแค่ช่องเดียว เพราะลูกกุ้งจะมารวมตัวกันในที่มีแสงสว่างทำให้เก็บลูกกุ้งได้ง่ายขึ้น โดยจำนวนแม่พันธุ์กุ้ง 15 กิโลกรัมที่ปล่อยลงบ่อปูนจะได้ลูกกุ้งราว 3-4 ล้านตัว

ลูกกุ้งก้ามกรามไม่ได้กินแค่ไรแดง แต่กินเต้าหู้หลอดด้วย!
นายกนกพล บอกว่า เมื่อได้ลูกกุ้งมาแล้วให้นำลูกกุ้งมาใส่อีกบ่อเพื่อแยกเลี้ยง โดย 1 บ่อจะต้องใส่ลูกกุ้ง 5 ช้อน (1 ช้อน ลูกกุ้งประมาณ 1 แสนตัว) จากนั้นเอาไรแดงครึ่งช้อนเทลงไป ทิ้งไว้อีก 2 ชม. จากนั้นให้นำแก้วใสตักน้ำเลี้ยงลูกกุ้งขึ้นมาดูว่ายังมีไรแดงอยู่หรือไม่ ในกรณีที่ยังมีไรแดงอยู่ก็ยังไม่ต้องเลี้ยง หากไรแดงหมดแล้วก็สามารถเลี้ยงลูกกุ้งต่อได้เลยโดยใส่ไรแดงไปทีละครึ่ง

นอกจากนี้ เจ้าของฟาร์ม ยังได้เผยวิธีเพาะไรแดงเลี้ยงลูกกุ้งด้วย ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากโดยสามารถหาซื้อไข่ไรแดงในรูปแบบกระป๋องมาเพาะเลี้ยงในปริมาณน้ำ 200 ลิตร ความเค็ม 25 พีพีที ส่วนสาเหตุที่ใช้ความเค็มมากกว่าเพาะกุ้งเพราะความเค็มจะช่วยให้ลูกไรออกได้เต็มที่ ที่สำคัญจะต้องเติมออกซิเจนด้วย ส่วนบ่อที่ใช้เพาะไรแดงควรเป็นบ่อทรงที่มีการเชื่อมต่อกับท่อแป๊บเพื่อให้ง่ายต่อการแยกเปลือกไข่และตัวไรแดง เมื่อเทไข่ไรแดงลงในบ่อเพาะที่มีปริมาณน้ำ 200 ลิตรแล้วให้ทิ้งไว้ 24 ชม. จากนั้นนำออกซิเจนออกเพื่อให้เปลือกไข่ไรแดงลอยขึ้นมาด้านบนผิวน้ำ ทิ้งไว้ราวครึ่งชั่วโมงจากนั้นเปิดฝาท่อแป๊บออกเพื่อนำไรแดงออกมา ส่วนเปลือกไรแดงทิ้งไปเพราะลูกกุ้งกินไม่ได้

เจ้าของฟาร์ม เล่าว่า ในช่วงที่เลี้ยงลูกกุ้งต้องมีเต้าหู้หลอดสำหรับลูกกุ้งในช่วงอายุ 12 วันด้วย เพราะลูกกุ้งไม่ได้กินไรแดงเพียงอย่างเดียว สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องใช้ คือ นำสวิงตาห่างวางซ้อนกับสวิงตาถี่แล้วนำเต้าหู้หลอดมาตัดเป็นครึ่งแท่งใส่ลงไปในสวิงตาห่าง จากนั้นนำน้ำมาฉีดเต้าหู้ให้เหลว โดยเต้าหู้หลอดที่ถูกฉีดเมื่อผ่านสวิงตาห่างจะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ เพื่อให้ลูกกุ้งกินได้ เมื่อฉีดเสร็จแล้วนำไปล้างน้ำเปล่าเพื่อให้กลิ่นคาวออกไป และเทใส่ในถังเพื่อนำไปเลี้ยงลูกกุ้งอายุ 12 วัน

เลี้ยงลูกกุ้งต้องคำนึงถึงความสะอาดด้วย
เจ้าของฟาร์มกุ้ง บอกว่า การเลี้ยงลูกกุ้งจะต้องมีการถ่ายน้ำเพื่อกรองนำสิ่งสกปรกออกจากบ่อเลี้ยงลูกกุ้ง เพราะเมื่อลูกกุ้งโตขึ้น การกินก็จะเพิ่มมากขึ้นส่งผลทำให้เกิดตะกอน จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริม คือ ตะกร้า เป็นตัวช่วยในการสูบน้ำออกเพื่อเปลี่ยนน้ำให้ลูกกุ้ง ตะกร้าที่ใช้มีความถี่แตกต่างตามช่วงอายุลูกกุ้ง เช่น ลูกกุ้งอายุ 5-7 วัน ใช้ตะกร้าสีเหลือง, ลูกกุ้งอายุ 7-10 วัน ใช้ตะกร้าสีเขียว และลูกกุ้งอายุ 12 วันขึ้นไป ใช้ตะกร้าสีแดง เป็นต้น ส่วนวิธีถ่ายน้ำก็เหมือนกับกาลักน้ำโดยใรตะกร้าคอยกันไม่ให้ลูกกุ้งถูกสูบออกติดเข้ามาด้วย

ขนาดลูกกุ้งแบบไหนสามารถขายให้กับลูกค้าได้?
เจ้าของฟาร์ม บอกว่า ลูกกุ้งที่มีอายุ 15 วัน หรือเป็นตัวโม่ง (ลูกกุ้งมีแต่หัวตัวยังไม่มา) ยังสามารถขายได้ต้องอยู่ในออกซิเจนตลอดยังไม่สามารถลงบ่อดินได้ เนื่องจากอัตราการรอดจะต่ำกว่าลูกกุ้งที่มีอายุ 25 วันขึ้นไป และก่อนที่จะนำลูกกุ้งไปขายจะต้องนำมาฝึกให้ลูกกุ้งอยู่กับน้ำจืดให้ได้ประมาณ 3 วัน ก่อนที่จะนำไปลงในบ่อดิน สำหรับการขายลูกกุ้งนั้นจะขายเป็นตัวละ ซึ่งลูกกุ้งจำนวน 1 ช้อนที่ตักมาได้จะอยู่ที่ราว 1,500 ตัว

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าของฟาร์มกุ้งก้ามกรามท่านนี้ได้ที่ Facebook : ฟาร์มกุ้งกนกพล.

cr-https://www.sanook.com/money/866775/