ยูทูป » สิ่งที่น่ารู้..นักล่าอาณานิคม ” อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส “

สิ่งที่น่ารู้..นักล่าอาณานิคม ” อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส “

25 กุมภาพันธ์ 2022
988   0

  สิ่งที่น่ารู้..นักล่าอาณานิคม ” อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส “

นักล่าอาณานิคมในอดีตซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกมีอยู่ 4 ชาติสำคัญ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกสและสเปน ส่วนชาติอื่นๆ ก็ได้แต่ช่วยผสมโรงหรืออาศัยใบบุญหรือเข้าร่วมแก๊งในการล่าอาณานิคมเหมือนกับฝูงสิงโตที่ร่วมกลุ่มกันล่าเหยื่อฉะนั้น..

แต่ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็ผ่านไป แก๊งนักล่าอาณานิคมก็เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพการณ์

โดยโปรตุเกสและสเปนอ่อนด้อยถอยกำลังลง และในที่สุดก็กลายเป็นประเทศที่ถูกล่าเช่นเดียวกับประเทศยุโรปอื่นๆ อีกหลายประเทศ แม้กระทั่งฝรั่งเศสก็อ่อนด้อยถอยราคาลงมาก กลายเป็นประเทศที่ถูกล่าและอยู่ภายใต้การครอบงำของนักล่าอาณานิคมแผนใหม่ไปด้วย

“..หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง สหรัฐได้กลายเป็นมหาอำนาจทางการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และมีกำลังทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งที่สุดของโลก และได้กลายเป็นนักล่าสำคัญขึ้นในโลก..”

แต่ที่คลุมเครือและมีการกล่าวขวัญกันมากก็คือการเป็นนักล่าของสหรัฐนั้นอาจจะไม่ใช่เป็นการล่าเพื่อผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน แต่เป็นการล่าเพื่อผลประโยชน์ของขบวนการอิลลูมินาติ ซึ่งเป็นชาวยิวที่สืบทอดกันมาช้านานแล้ว และกลุ่มนี้ก็ยังเชื่อมโยงและมีบทบาทสำคัญในอังกฤษไม่ได้ด้อยไปกว่าในสหรัฐ

.. ดังนั้นถ้าจะกล่าวถึงนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ที่ออกนอกหน้าก็คือสหรัฐและที่ยังคงอำพรางซ่อนเร้นอยู่บ้างก็คืออังกฤษ ที่ร่วมด้วยช่วยกันไปไหนไปกันเหมือนเป็นหุ้นส่วนร่วมชีวิตด้วยกันฉะนั้น..

แตกต่างกับอิสราเอลซึ่งไม่แสดงท่าทีใดๆ ว่ายอมรับหรือปฏิเสธ แต่ถ้าสังเกตจากพฤติกรรมและการกระทำทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมานี้ก็จะเห็นได้ชัดว่าวงอำนาจของสหรัฐไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม แต่ทุกการเปลี่ยนแปลงนั้นล้วนยึดมั่นและเพื่อผลประโยชน์ของอิสราเอลทั้งสิ้น

ส่วนอังกฤษนั้นมักจะไม่ปรากฏข่าวคราวหรือท่าทีใดๆออกสู่สาธารณะว่ากระทำการใดตามข้อเรียกร้อง หรือข้อเสนอของอิสราเอล แต่ผลที่สุดของการกระทำทั้งหลายกลับแสดงออกด้วยการร่วมไม้ร่วมมือเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหรัฐในทุกเรื่องราว

ในฐานะที่คนไทยเป็นนักดื่มไวน์ตัวยงชาติหนึ่งของโลกก็ควรจะได้รับรู้ว่า 1 ใน 5 ไวน์ที่มีชื่อเสียงของโลก คือมูตอง รอธไชลด์ นั้นมีการผลิตทั้งในฝรั่งเศสและในสหรัฐ แต่เจ้าของก็คือตระกูลรอธไชลด์ที่ปักหลักมีบทบาทสูงที่สุดในอังกฤษ และวงในบริหารของรอธไชลด์นั้นก็คือผู้คนในขบวนการอิลลูมินาตินั่นเอง

เมื่อโลกพัฒนาเปลี่ยนแปลงไป การจะล่าอาณานิคมแบบหมาป่าล่าเนื้อเหมือนอดีตย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงต้องมีการแต่งหน้าทาปากเปลี่ยนเครื่องทรงองค์เอวกันใหม่ เพื่อให้คนทั้งโลกวางใจเชื่อถือ นั่นคือการแปลงรูปจำแลงมาในสองลักษณะได้แก่..

1.คือนักสิทธิมนุษยชน ที่แสดงพฤติกรรมว่าเป็นนักบุญ ที่ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนไม่เป็นธรรมทุกแห่งหนทั่วโลก

2.คือนักประชาธิปไตย ที่แสดงพฤติกรรมว่าเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความมีสิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ที่สุด

ทั้งสองลักษณะนี้ได้กลายเป็นอาวุธที่สำคัญของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยเหยื่อที่ถูกล่าจะถูกตราหน้าหรือถูกทำร้ายทำลายด้วยอาวุธทรงอานุภาพสองชนิดนี้ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งหรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง

นั่นคือจะเกิดกระบวนการกล่าวหาประเทศที่ตกเป้าหมายเป็นเหยื่อว่าไร้มนุษยธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นพฤติกรรมป่าเถื่อนอันต้องรังเกียจเดียดฉันท์และต้องกำจัดให้สิ้นซาก หรือไม่ก็จะตกเป็นเหยื่อว่าเป็นเผด็จการ ละเมิดหลักการเสรีประชาธิปไตย ที่กดขี่ข่มเหงเป็นทรราชต่อราษฎรทั้งหลาย และต้องกำจัดให้สิ้นซากเหมือนกัน

นักล่าอาณานิคมแผนใหม่ได้ใช้อาวุธทั้งสองอย่างนี้ในการยึดครองประเทศต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งที่ทำสำเร็จบ้างและไม่สำเร็จบ้าง ดังที่อดีตประธานาธิบดีจิมมี่คาร์เตอร์ เคยนำความจริงออกมาเปิดเผยต่อชาวโลกว่า หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมาสหรัฐได้ทำศึกสงครามท ั้งขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก รวมกันถึง 800 ครั้ง และเกี่ยวข้องในความเปลี่ยนแปลงในประเทศทั้งหลายทั่วโลกด้วย

การล่าอาณานิคมแผนใหม่นั้นแม้อำพรางรูปโฉมจากอดีตที่เคยส่งกองทัพเข้าไปยึดครองประเทศที่เป็นเหยื่อในลักษณะเมืองขึ้นหรือกึ่งเมืองขึ้นหรือประเทศอาณานิคมเป็นรูปแบบใหม่แล้วก็ตาม แต่เนื้อหาที่แท้จริงก็คือการปล้นสะดมเอาผลประโยชน์ทั้งปวงของประเทศต่างๆ ไปเป็นสมบัติของตน ซึ่งเป็นเป้าหมายอย่างเดียวกันกับยุคล่าอาณานิคมในอดีต

ปัจจุบันนี้ได้มีผู้สรุปเป้าหมายการล่าอาณานิคมว่ามีหลายระดับ..

ระดับแรก ทำการเปลี่ยนรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายของประเทศที่เป็นเหยื่อแล้วตั้งหุ่นเชิดที่เลี้ยงดูอุ้มชูไว้ก่อนหน้าแล้วให้ขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจปกครองประเทศนั้นๆ จากนั้นก็ใช้รัฐบาลหุ่นในการมอบสมบัติของชาติ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของประเทศนั้นให้แก่นักล่าอาณานิคมในรูปแบบหลากหลาย แต่ทว่าการล่าอาณานิคมแบบนี้จะถูกต่อต้านอย่างกว้างขวางจากประชาชน และในที่สุดก็จะถูกล้มล้างด้วยพลังของประชาชนอยู่เสมอ

ระดับที่สอง คือการแทรกซึมพวกหุ่นเชิดให้เข้าร่วมในอำนาจรัฐของประเทศต่างๆ ด้วยรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายไม่ว่าด้วยการเจรจากดดันให้อำนาจรัฐที่ชอบด้วยกฎหมายจำยอมให้แทรกหุ่นเชิดของนักล่าอาณานิคมเข้ามาร่วมในรัฐบาลเพื่อทำการปล้นสะดมประเทศชาตินั้นๆ ตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งระดับนี้ดูภายนอกก็ประหนึ่งว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แต่แท้จริงได้แอบแฝงบุคลากรหุ่นไว้ในองค์กรและวงการต่างๆ เพื่อช่วยปล้นสะดมให้กับนักล่าอาณานิคม

ระดับที่สาม คือการกดดันด้วยมาตรการต่างๆ ไม่ว่าทางการทหาร ทางด้านความมั่นคง ทางด้านเศรษฐกิจ หรือทางด้านการค้า ดังที่คนทั้งหลายคุ้นเคยดีอย่างหนึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าคว่ำบาตรนั่นเอง ซึ่งในอดีตเคยอาศัยกลไกของสหประชาชาติปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริง

แต่ในที่สุดประเทศในโลกที่สามรู้เช่นเห็นชาติของการปล้นสะดมในลักษณะนี้ จึงรวมตัวกันจนเป็นเสียงข้างมากในสหประชาชาติ ดังนั้นสิ่งที่เรียกว่าการคว่ำบาตรในระยะหลังจึงไม่สามารถกระทำโดยมติสหประชาชาติได้และจำเป็นต้องกระทำโดยลำพัง

การใช้มาตรการระดับที่สามนี้ดำเนินมาหลายสิบปี จนในที่สุดประเทศที่ถูกคว่ำบาตรได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที และประเทศที่ได้รับผลกระทบก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นประเทศเหล่านั้นจึงหาทางออกร่วมกันเพื่อรับมือกับการคว่ำบาตรหรือการล่าอาณานิคมแผนใหม่ในระดับนี้

นั่นคือได้มีการจัดตั้งองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ขึ้นได้สำเร็จ และได้มีการจัดตั้งธนาคาร AIIB เพื่อเป็นสถาบันการเงินหลักและสถาบันการเงินกลางของประเทศทั้งหลายทั่วโลกด้วย รวมทั้งการจัดตั้งกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหรือที่เรียกว่า BRICS เพื่อรับมือกับกองทัพเศรษฐกิจของนักล่าอาณานิคม ซึ่งคนทั้งหลายย่อมรู้จักดีในชื่อของ G20

และเมื่อวันเวลาผ่านนานวันเข้า กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ก็ตระหนักอย่างแจ้งชัดว่าพลังอำนาจที่แท้จริงนั้นนอกจากต้องพึ่งพาอาศัยพลังทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนพลังของสื่อมวลชนยุคใหม่แล้ว จำเป็นจะต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งเกรียงไกรด้วย

ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาแสนยานุภาพอย่างขนานใหญ่ที่สุด โดยแกนหลักของกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ คือ รัสเซียและจีน รองลงมาก็คือเกาหลีเหนือและอิหร่าน ได้ร่วมกันพัฒนาแสนยานุภาพจนไม่ด้อยกว่าประเทศนักล่าอาณานิคมอีกต่อไปแล้ว

กฎแห่งสงครามระบุว่า มีแต่สงครามที่เป็นธรรมจึงจะหยุดยั้งสงครามที่ไม่เป็นธรรมได้ ดังนั้นการต่อต้านการล่าอาณานิคมด้วยแสนยานุภาพจึงเป็นกระบวนการของสงครามที่เป็นธรรมและจะได้ชัยชนะในที่สุด.

เรียบเรียงจากhttps://www.naewna.com/politic/columnist/42190
https://www.google.com/search?client=firefox-b-d&q=%E0%…

คลิป..ดูทองแท้ทองปลอม(ด้วยตาเปล่า).. โดยคำแนะนำจากช่างทองมืออาชีพ