โป๊ะเช๊ะ ดอท คอม

รวมภาพท่อแก๊สปตท.ระเบิด เปลวไฟสูงกว่าเสาไฟฟ้าแรงสูง ในนิคมเอเชียฯ สมุทรปราการ

รวมภาพท่อแก๊สปตท.ระเบิด เปลวไฟสูงกว่าเสาไฟฟ้าแรงสูง ในนิคมเอเชียฯ สมุทรปราการ

22 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิ ในซอยโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี สมุทรปราการ เกิดเหตุท่อแก๊สระเบิด ส่งเปลวเพลิงไหม้ลุกโชนเป็นวงกว้าง ขณะที่คนรอบข้างวิ่งหนี เนื่องจากเจอไอร้อนระอุพุ่งใส่จากเพลิงไหม้ครั้งนี้
        ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็มีการอพยพคนงานและประชาชนออกจากพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ และส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกับรถเคมีมาดำเนินการ..

..เหตุการณ์ท่อแก๊สระเบิดภายใน ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 28 รายและผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 2 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต 3 รายแล้ว

โดยแรงระเบิดทำให้บ้านเรือนเสียหายกว่า 10 หลัง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ถูกไฟไหม้อีก 20 คัน เบื้องต้นพบท่อแก๊สที่ระเบิดเป็นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เปิดเผยว่า ท่อนี้ฝังอยู่ใต้ดินมาตั้งแต่ต้นเองเด็กๆ น่าจะ 20 ปีแล้ว โดยฝังแนวตีคู่กับเสาไฟฟ้าใหญ่ ตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังตึ้ม มีคนตะโกนว่า เครื่องบินตก แต่หลังจากตึ้ม ได้ยินเสียงฟู่ เหมือนไฟมันโหม รีบกลับมาที่บ้านก็เห็นไฟโหมขึ้นเป็นลูกๆ เลย

ชาวบ้านอีกคนเล่าว่า เพิ่งทานข้าวเสร็จนั่งอยู่ในรถได้ยินเสียงตู้ม จากนั้นความร้อนมันลามมาเลย ตนเองได้รับบาดเจ็บจากความร้อน และรีบหนีออกมา..

แม่ครัวที่โรงเรียนเปร็ง บอกว่า เด็กนักเรียนโรงเรียนเปร็ง หลังจากเกิดเหตุนักเรียนกว่า 200 คนได้วิ่งหนีตายออกมจากโรงเรียน โดยพบว่าเปลวไฟจากการระเบิดแรงมาก ทำให้เนื้อตัวของผู้ที่อยู่ในระแวกดังกล่าวถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุของระเบิดนั้นยังไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่ามีเสียงระเบิดตู้มดัง 3 ครั้งเด็กนักเรียนก็รีบวิ่งออกมา เพราะกลัวว่าอาคารเรียนจะถล่ม..

ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเเละกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. กล่าวว่า ขอเเสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย ซึ่งมาตรการหลังจากเกิดเหตุ มีการปิดพื้นที่ ปิดวาล์วส่งก๊าซทั้งหมด ตอนนี้จึงไม่มีก๊าซเข้ามาเพิ่มเเล้ว ขณะเดียวกันก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่วัดปริมาณเเก๊สในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปะทุขึ้นอีก สาเหตุต้องรอผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์อีกครั้ง ยืนยันในการบำรุงรักษาท่อ มีการตรวจเช็กประจำเป็นรายสัปดาห์ โดยการส่งกระสวยเข้าไปตามท่อเพื่อตรวจเช็กความชำรุดตามจุดต่างๆ และอายุการใช้งานของท่อจะอยู่ที่ 25 ปี แต่สำหรับท่อที่เกิดเหตุนี้เพิ่งมีการวางท่อเมื่อปี 2562..

ส่วนในเรื่องการเยียวยา ได้ส่งทีมงานสำรวจความเสียหาย จะเยียวยาทั้งบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จะซ่อมเเซมให้เเละจัดหาที่อยู่ที่เหมาะสมระหว่างซ่อมเเซม สำหรับการรับผิดชอบ ในส่วนของผู้เสียชีวิต จะเยียวยารายละ 5,000,000 บาท ผู้ป่วยสาหัส รายละ 500,000 บาท ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาล รายละ 200,000 บาท ผู้ป่วยที่กลับบ้านได้ รายละ 50,000 บาท

ด้านสภาวิศวกร ที่เข้ามาร่วมตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุท่อแก๊สระเบิด ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกรเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า ท่อส่งก๊าซของ ปตท.ถือว่าได้มาตรฐานตามหลักสากล ซึ่งวางตามเเนวของสายไฟฟ้าเเรงสูง ตามภาพที่เห็นมีการระเบิดด้านบน เเสดงให้เห็นว่าในท่อมีเเรงดันสูงมากในการส่งก๊าซไปยังที่ต่างๆ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ เเต่จากภาพที่ปรากฏเปลวไฟขนาดใหญ่ลุกโชนอยู่บนอากาศ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติมีน้ำหนักเบาและจะลอยตัว ได้พุ่งขึ้นไปกระทบกับสายไฟฟ้าเเรงสูงที่มีความร้อน ทำให้กิดประกายไฟลุก

โดยปกติการวางท่อนี้จะต้องเป็นเขตพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือการขุดเจาะ ซึ่งทาง ปตท.ก็ได้วางตามแนวของสายไฟฟ้าแรงสูงอยู่แล้ว ส่วนบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ก็อยู่ห่างในระยะต้องห้ามบนผิวพื้นดินแล้วคือ 40-60 เมตร ซึ่งในพื้นที่ที่มีการวางท่อส่งก๊าซจะต้องห้ามเด็ดขาด คือมีสิ่งปลูกสร้างไว้ด้านบน หรือการกดทับที่มีความเคลื่อนไหว แต่กรณีนี้ไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ปตท.ต้องหาคำตอบให้ได้ 3 ข้อ คือ

1.อายุการใช้งานของท่อเเละความชำรุดของอุปกรณ์ มีหรือไม่อย่างไร
2.สิ่งที่ไปกระทบทำให้ท่อเกิดการฉีกขาดจนเป็นรอยรั่ว มาจากสาเหตุใด
3.กระทรวงพลังงานเเละผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องออกมาเปิดเผยว่าลักษะท่อเเบบนี้ ในประเทศไทยมีการวางอยู่จุดใดบ้าง มีการบำรุงรักษาอย่างไร เเละมีการป้องกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยกระทบกับชีวิตประชาชนเเบบนี้อีก.

ขอบคุณ https://www.dailynews.co.th/regional/80..
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5167289
https://www.google.com/search?q=%E0%B9%81%E0%..
https://hilight.kapook.com/view/207654
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5167289