สุขภาพ-ชีวิต » สธ.เตือนระวัง ‘ไข้หวัดใหญ่’ มีแนวโน้มเพิ่มสูง ล่าสุดป่วยแล้ว 80,310 คน เสียชีวิต 11 ราย

สธ.เตือนระวัง ‘ไข้หวัดใหญ่’ มีแนวโน้มเพิ่มสูง ล่าสุดป่วยแล้ว 80,310 คน เสียชีวิต 11 ราย

24 สิงหาคม 2018
838   0

http://bit.ly/2NdWWOb

สธ.เตือนระวัง ‘ไข้หวัดใหญ่’ มีแนวโน้มเพิ่มสูง ล่าสุดป่วยแล้ว 80,310 คน เสียชีวิต 11 ราย  

15 ส.ค.61 กรมควบคุมโรคเตือนประชาชนเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ หลังพบข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 6 ส.ค. 2561 มีผู้ป่วยแล้ว 80,310 ราย เสียชีวิต 11 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยเรียน (อายุ 7-14 ปี) และผู้ใหญ่ (อายุ 15 – 44 ปี) โดยมี 5 จังหวัดที่อัตราป่วยสูงสุด คือ..

กรุงเทพมหานคร

เชียงใหม่

ระยอง

พะเยา

และอุตรดิตถ์

ขอให้ประชาชนระวังการรับเชื้อจากผู้ป่วยที่ยังไม่แสดงอาการ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดหรือมีคนจำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด ทั้งนี้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนฯได้ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนที่ร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติภายในวันที่ 31 ส.ค. 2561

 

ขณะที่ในช่วงฤดูฝน มักจะพบการระบาดอีกโรคหนึ่งคือโรคไข้เลือดออก และพบว่าปีนี้มีแนวโน้มระบาดมากกว่าปีที่แล้ว โดยจากข้อมูลสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 7 ส.ค. 2561 มีรายงานผู้ป่วย 41,094 คน เสียชีวิต 48 ราย ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี  2560 ถึงร้อยละ 48

ดั้งนั้นกระทรวงสาธารณสุข แนะให้ประชาชนดูแลสุขภาพและเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก โดย นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ส่วนใหญ่ประชาชนมักซื้อยามารับประทานเอง เมื่อมีอาการหนักแล้วจึงจะไปโรงพยาบาล ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตสูง กระทรวงฯจึงมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลเอกชน คลินิกและร้านขายยาทั่วประเทศให้ระวังการจ่ายยาลดไข้กลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ทั้งยารับประทานและยาฉีดให้แก่ผู้ที่มีไข้  และช่วยเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกโดยขอให้ส่งต่อผู้ป่วยไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงมีอาการรุนแรง เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาลดอัตราการเสียชีวิต

 

ทั้งนี้ ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38.5 องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่ไม่มีน้ำมูก ไม่ไอ มักมีหน้าแดง เบื่ออาหาร อาเจียน อาจมีผื่นแดง มีจุดเลือดออกเล็ก ๆ กระจายตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ การรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ ขอให้เช็ดตัว และกินยาลดไข้พาราเซตามอล ห้ามใช้ยาพวกแอสไพริน ยากลุ่มเอ็นเสด เช่น ไอบรูโพรเฟน เพราะจะทำให้เกล็ดเลือดเสียการทำงาน ระคายกระเพาะอาหารทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ขอให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพราะผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 3 จะมีอาการรุนแรง อาจมีภาวะช็อก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในช่วงที่ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงทีจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อาการดีขึ้นใน 2-3 วัน.

ที่มา https://www.google.com/search?q=%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%..

https://www.tnnthailand.com/content/5287