โป๊ะเช๊ะ ดอท คอม

อ่านเพิ่มพลังในตัวเรา..เชื่อไหม สตีฟ จ็อบส์..ก่อนตายยังเย็นชา ด่าลูกกลิ่นเหมือนส้วม

http://bit.ly/2AEtQWg

 

เชื่อไหมว่า..บางครั้งความร่ำรวย ก็ไม่สามารถซื้อความสุขที่ฝังอยู่ใต้สำนึกของบางคนได้ ..

ลูกสาว สตีฟ จ็อบส์ เปิดเผยความจริงอีกด้านของอัจฉริยะแห่งบริษัท แอปเปิล ตอนแรกไม่รับผิดชอบ อ้างว่าเป็นหมันและไม่ใช่พ่อ แถมยังใจร้ายเย็นชา ก่อนตายยังพูดใส่หน้าว่าลูกกลิ่นเหมือนส้วม..

3 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์เดอะเทเลกราฟ รายงานว่า ลิซ่า เบรนแนน จ็อบส์ (Lisa Brennan-Jobs) นักเขียนชาวอเมริกัน วัย 40 ปี ลูกสาวของ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) นักธุรกิจคนดังผู้ปฏิวัติวงการไอทีและผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล (Apple Inc.) ได้ออกมาเปิดเผยถึงความทรงจำอันเลวร้าย และความสัมพันธ์อันขมขื่นระหว่างเธอกับพ่อ ชีวิตในวัยเด็กของเธอไม่ได้มีความสุข มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอไม่ได้เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อบังเกิดเกล้าคนนี้ เขาไม่ยอมรับว่าเธอเป็นลูกสาวของเขา แม้แต่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต สตีฟก็ยังคงพูดจาเลวร้ายกับลูกสาวคนนี้ จนกระทั่งสิ้นลมหายใจ ..

ในบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งจากนิตยสาร Vanity Fair นั้น ลิซ่าเปิดใจเล่าว่าพ่อของเธอไม่ได้เป็นคนเพอร์เฟคต์เหมือนภาพลักษณ์ที่หลาย ๆ คนมองเห็น โดย คริสแอนน์ เบรนแนน แม่ของลิซ่า ได้เริ่มคบหาดูใจกับสตีฟในปี 2515 และเลิกรากันไปในปี 2520 จบความสัมพันธ์ไว้ที่ 5 ปี เมื่อคริสแอนน์ตั้งครรภ์และคลอด ลิซ่า ในปี 2521 สตีฟปฏิเสธการรับผิดชอบและบอกคนอื่น ๆ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา คริสแอนน์จึงต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง เธอต้องทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟและแม่บ้านทำความสะอาด เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเองกับลูก โดยสตีฟไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด..

          จนกระทั่งลิซ่าอายุ 2 ขวบ สตีฟก็ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งเขาก็ยังคงปฏิเสธ และอ้างว่าตัวเองเป็นหมัน อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจดีเอ็นเอระบุว่า เขาคือพ่อแท้ ๆ ของลิซ่า ศาลจึงให้เขาจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูบุตร ๆ ทุกเดือน การฟ้องร้องดังกล่าวสิ้นสุดลงในปี 2523 และหลังจากนั้นไม่กี่วัน แอปเปิลก็เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และทำให้สตีฟมีทรัพย์สินมากถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.64 พันล้านบาท (เทียบกับค่าเงินปัจจุบัน) หนึ่งในสินค้าของแอปเปิล มีคอมพิวเตอร์รุ่นหนึ่งชื่อ Lisa ที่สตีฟปฏิเสธหัวชนฝาว่า ไม่ได้ตั้งมันตามชื่อลูกสาวของเขา แต่หลังจากเวลาผ่านไปหลายสิบปี เขาก็ยอมรับว่าตั้งชื่อมันตามชื่อของเธอจริง ๆ..
“เขา (สตีฟ) ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่พ่อของฉัน เขาสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าตัวเองเป็นหมัน และกล่าวหาผู้ชายคนหนึ่งว่าเป็นพ่อที่แท้จริง ฉันกับเขากับตรวจดีเอ็นเอเพื่อหาความจริง โดยมันเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น ผลตรวจก็คือ ฉันและเขามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด 94.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นค่าสถิติที่สูงที่สุดในตอนนั้น ศาลจึงตัดสินว่าเขาเป็นพ่อของฉัน และให้เขาจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูเดือนละ 385 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12,790 บาท เมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน) รวมทั้งค่าประกันสุขภาพ จนกระทั่งฉันอายุครบ 18 ปี ” ลิซ่า เล่าถึงพ่อของเธอ..

 

..ลิซ่าเปิดเผยว่า สมัยที่เธอยังเด็ก สตีฟจะแวะมาเยี่ยมที่บ้านเดือนละครั้ง โดยตอนที่ลิซ่าอายุ 7 ขวบ เธอได้ยินแม่คุยกับเพื่อนว่าพ่อเพิ่งซื้อรถปอร์เช่คันใหม่ เพราะรถคันเก่ามีรอยขูดขีด เมื่อพ่อเดินทางมาเยี่ยมตามปกติ เธอจึงเอ่ยปากถามพ่อว่า “ถ้าไม่ใช่รถคันนี้แล้ว พ่อยกให้หนูได้ไหม” ซึ่งคำตอบที่ได้รับนั้นแสนจะเย็นชา และทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

“พ่อบอกว่า ‘ไม่มีวัน’ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นโหดร้าย และมันทำให้ฉันรู้สึกผิดมากที่ถามแบบนั้นออกไป ตอนนั้นฉันเข้าใจว่าเรื่องที่ได้ยินมาอาจจะไม่ใช่ความจริง พ่ออาจจะไม่ได้ซื้อรถใหม่จริง ๆ ก็ได้ เพราะฉันรู้ว่าตอนนั้นเขาไม่ได้มีเงินเยอะ การมีรถปอร์เช่หรู ๆ สักคัน มันดูเป็นเรื่องที่เพ้อฝันมาก ๆ”

          “ฉันบอกตัวเองว่า ไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย และสิ่งที่ได้ยินจากปากพ่อหลังจากนั้นก็คือ ‘แกจะไม่ได้อะไรจากฉันทั้งนั้น ได้ยินหรือเปล่า แกจะไม่ได้อะไรเลย ไม่แม้แต่อย่างเดียว’ ฉันไม่รู้ว่าพ่อหมายถึงรถ หรืออย่างอื่น ฉันไม่รู้หรอกค่ะ แต่เสียงของพ่อแข็งกร้าวมาก มันทำให้ฉันเจ็บไปถึงหัวใจ” ลิซ่า เล่า…

แม้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตสตีฟ ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างเขาก็ลูกสาว ก็ไม่ได้รับการเยียวยา และมันยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม โดยในช่วงที่สตีฟล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ลิซ่าจะเดินทางไปเยี่ยมเขาที่บ้านพักหลังโตสไตล์ทิวดอร์ ในปาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แม้จะรู้ว่าพ่อไม่ค่อยชอบหน้าเธอ แต่เธอก็ไปหาเขาเป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่ง ในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ก่อนที่สตีฟจะเสียชีวิตในเดือนตุลาคม 2554 ลิซ่าแวะไปเยี่ยมพ่อเหมือนเคย ก่อนจะกลับ เธอเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ เธอเห็นสเปรย์น้ำหอมกลิ่นกุหลาบวางอยู่ จึงหยิบมาฉีดใส่ตัวเอง และเดินกลับไปหาพ่อ เพื่อบอกลา แต่กลิ่นกุหลาบกลับจางลงอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นกลิ่นเหม็นตุ ๆ

“ตอนที่ฉันเดินเข้าไปในห้องพ่อ เขากำลังนอนขดอยู่ และเขาก็ขยับลงมานั่งห้อยขา ฉันเดินเข้าไปกอดพ่อ รู้สึกว่าพ่อผอมลงมาก จับไปเจอกระดูกสันหลังและซี่โครง และฉันก็ได้กลิ่นยาจากตัวพ่อ ฉันบอกเขาว่า ‘เดี๋ยวหนูกลับมาเยี่ยมอีกนะ’ และเดินจากไป ตอนนั้นพ่อเรียกฉัน พอฉันหันกลับไปหา เขาก็บอกว่า ‘แกนี่กลิ่นยังกะส้วม’ ” ลิซ่าเล่า

เรื่องราวระหว่าง ลิซ่า กับ สตีฟ จ็อบส์ ยังมีอีกมากมาย ซึ่งเธอได้นำความทรงจำเหล่านั้นมาร้อยเรียงลงใน Small Fry หนังสือเล่มใหม่ของเธอ ที่กำลังจะวางแผงในเร็ว ๆ นี้.

Small Fry หนังสือเล่มล่าสุดของ ลิซ่า เบรนแนน-จ็อบส์ ซึ่งเล่าเรื่องชีวิตขมขื่นระหว่างเธอกับพ่อ
ภาพจาก amazon.com

…เราโชคดีเพียงใด ที่มีพ่อ-แม่ ที่รักเรา เมตตาเรา ..เท่านี้ก็มีความสุขแล้วล่ะนะ..