ผอ. โรงงานยาสูบ คาดการณ์รายได้โรงงานอาจสูญ 7 พันล้านบาท หลังรัฐบาลขึ้นภาษีบาป ล่าสุดจ่อขอกู้กระทรวงการคลังจ่ายเงินเดือนพนักงาน ผลกระทบจากการขึ้นภาษีทำกำไรหด..
จากกรณีวันที่ 4 มีนาคม 2561 น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เผยว่า ขณะนี้โรงงานยาสูบเตรียมเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขอกู้จ่ายเงินเดือนพนักงาน-ลงทุนเครื่องจักร อ้างภาษีใหม่ ทำขาดสภาพคล่อง ขายของไม่มีกำไรนั้น..
อีกทั้งยอมรับว่าการปรับเพิ่มภาษีบุหรี่เพื่อหวังลดการสูบุหรี่ อาจเกิดการหันไปสูบยาเส้น, บุหรี่ไฟฟ้า,บุหรี่หนีภาษี.. ทั้งนี้คาดว่า ปีงบประมาณ 2561 อาจทำให้รายได้โรงงานยาสูบหายไปเกือบ 7,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีกำไร 9,000 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น..
โรงงานยาสูบถังแตก เตรียมเสนอกระทรวงการคลัง ขอกู้จ่ายเงินเดือนพนักงาน-ลงทุนเครื่องจักร อ้างภาษีใหม่ ทำขาดสภาพคล่อง ขายของไม่มีกำไร..
วันที่ 4 มีนาคม 2561 มีรายงานว่า น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เผยว่า ขณะนี้โรงงานยาสูบเตรียมเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขอกู้เงินมาใช้ดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ
1. ใช้ในการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรที่โรงงานยาสูบแห่งใหม่ ประมาณ 2,900 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 7,000 ล้านบาท
2. เสริมสภาพคล่องที่จะเริ่มมีผลกระทบตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป เพื่อนำมาจ่ายเป็นค่าจ้างให้กับพนักงาน ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อสรุปวงเงินกู้และความจำเป็นในการใช้เงิน คาดว่าจะเป็นหลักพันล้านบาท
ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่โรงงานยาสูบต้องขอกู้เงิน โดยเป็นผลกระทบจากภาษียาสูบใหม่ ทำให้โรงงานยาสูบไม่มีกำไร จากเดิมที่มีสภาพคล่องเข้ามาเดือนละ 4,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้เหลือสภาพคล่องไม่ถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะพอใช้ถึงพฤษภาคมนี้เท่านั้น
สืบเนื่องจากการปรับปรุงแก้ไขภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ทำให้โรงงานยาสูบแม้จะขายได้ แต่ก็ไม่มีกำไร เพราะเจอปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและการดัมพ์ราคาจากคู่แข่ง โดยส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้ เหลือ 56% จากที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 80% อีกทั้งจำนวนผลิตลดลงเหลือ 18,000 ล้านมวน จากเดิมที่คาดว่าจะผลิต 30,000 ล้านมวน ทำให้นอกจากไม่มีกำไรแล้ว ยังเป็นปีแรกที่โรงงานยาสูบอาจจะเผชิญภาวะขาดทุนอีกด้วย.