อัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำนวน 9 คน ในคดีพิเศษที่ 261/2556 หรือคดีร่วมกันและสนับสนุนเป็นกบฏ และข้อหาอื่น ๆ รวม 8 ข้อหา ในช่วงการชุมนุมการเมืองปี 2556-2557
ทั้งหมดเป็นอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 8 คน และอดีตผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งล้วนแต่เป็นแกนนำสำคัญของ กปปส. ประกอบด้วย ..
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1,
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้ต้องหาที่ 2,
นายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3,
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ต้องหาที่ 4,
นายอิสสระ สมชัย ผู้ต้องหาที่ 5,
นายวิทยา แก้วภราดัย ผู้ต้องหาที่ 6,
นายถาวร เสนเนียม ผู้ต้องหาที่ 7,
นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 8,
นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ 9
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส. เปิดเผยว่า เฉพาะในส่วนของนายสุเทพและนายชุมพล ถูกฟ้องข้อหาก่อการร้ายด้วย โดยนายสุเทพกับพวกรวม 9 คน ถูกนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เมื่อเวลา 10.45 น.
ภายหลังพิจารณานาน 4 ชั่วโมงครึ่ง นายประยุทธ กล่าว กับบีบีซีไทยว่า ศาลประทับรับฟ้องคดีนี้เป็นที่เรียบร้อย และนัดคู่ความพร้อมกันในวันที่ 19 มีนาคม
ขณะที่นายสุเทพเปิดเผยว่า ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำ 9 คน โดยตีหลักทรัพย์ค้ำประกันรายละ 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และขอให้แต่งตั้งทนายความก่อนถึงวันนัดพร้อมในวันที่ 19 มีนาคม นอกจากนี้ศาลยังกำชับว่าในการนัดสืบพยานให้ถือวันนัดหมายของศาลเป็นสำคัญ โดยไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นพฤติกรรมประวิงคดี ซึ่งนายสุเทพระบุว่า แกนนำทั้ง 9 คน ไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้นอยู่แล้ว
นายสุเทพกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของแกนนำและแนวร่วมอีก 34 คน ที่ไม่เดินทางมารายงานตัวต่อ อสส.ในวันนี้ แกนนำทั้ง 9 คน เห็นว่าไม่สมควรที่คนกลุ่มนี้จะตกเป็นจำเลย เนื่องจากไม่ใช่บุคคลหลักที่ชักชวนประชาชนมาร่วมชุมนุม จึงไม่สมควรต้องเสียเวลาวิ่งขึ้นลงศาลเป็นปี ๆ เพราะถ้าอยู่ภายนอกจะทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติได้มากกว่า..
อย่างไรก็ตาม สุเทพปฏิเสธให้ความเห็นว่า เป็นผู้เสนอให้แกนนำ กปปส.และแนวร่วม 34 คนนี้ เลื่อนเข้ารายงานตัวหรือไม่ แต่ยอมรับว่าได้พูดคุยแนวคิดนี้กับทางอัยการ ทั้งนี้เป็นดุลพินิจของอัยการและศาลในการสั่งคดี
เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกจากเคยเป็นรัฐมนตรีและแกนนำมวลชน แต่ต้องตกเป็นจำเลยคดีในคดีกบฏและก่อการร้าย นายสุเทพ ได้บรรยายที่มาของการชุมนุมก่อนสรุปในตอนท้ายว่า “เราทั้ง 9 คน ภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้สร้างมวลมหาประชาชนที่ต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน”
ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุเทพกล่าวก่อนเข้ารายงานตัวต่อพนักงานอัยการว่า “มั่นใจว่าฟ้องแน่ ๆ เตรียมการกับสถานะ ‘จำเลย’ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ถือว่าอยู่กันครบ ไม่หนีไปไหน”
คดีนี้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหารวม 58 คน ตั้งแต่ปี 2557 โดยอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง 1 คนคือนักวิชาการที่ขึ้นเวที กปปส., สั่งให้แยกสำนวนออกจากคดีนี้ 7 คน, มีผู้ต้องหา 3 คนที่ดีเอสไอยังไม่นำตัวส่ง
ส่วนอีก 4 คนได้สั่งฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว ในคดีร่วมกันและสนับสนุนเป็นกบฏ (คดีหมายเลขดำ อ.1191/2557) ประกอบด้วย..
นายสกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์,
นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม,
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์
และนายเสรี วงษ์มณฑา
..โดยศาลอาญาอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์
การเข้ารายงานตัวของนายสุเทพกับพวกเพื่อฟังคำสั่งคดี ที่สำนักงาน อสส. ถนนรัชดาภิเษก ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นบริเวณรอบสำนักงาน อสส. และศาลอาญา
แม้อัยการกำชับไปว่าผู้ต้องหาทุกคนต้องมารายงานตัวตามหมายเรียก แต่ปรากฏว่าแกนนำและแนวร่วม 34 คนไม่ปรากฏตัวในช่วงเช้า อาทิ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี หรือกฤดากร, พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพระพุทธะอิสระ, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ซึ่งรองโฆษก อสส. ชี้แจงว่าทั้งหมดได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการรายงานตัวและสั่งคดี ซึ่งทาง อสส. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป ว่ามีเหตุผลสมควรหรือไม่ แต่ที่ต้องส่งฟ้อง 9 แกนนำก่อนเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ศาลจะออกนั่งบัลลังก์ก่อน 11.00 น. แต่ที่เหลือหากติดต่อเข้ามา ก็พร้อมมีคำสั่งฟ้องและส่งตัวต่อศาลต่อไป
พร้อมปฏิเสธให้ความเห็นว่านี่คือแทคติคทางกฎหมายของทีมทนาย กปปส. หรือไม่
ที่มา http://www.bbc.com/thai/thailand-42799570