ยูทูป » ..รู้ทันรีโมทรถยนต์

..รู้ทันรีโมทรถยนต์

1 ตุลาคม 2017
12148   0

สัญญาณรีโมทรถยนต์

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php

รีโมทรถยนต์จะใช้ย่านความถี่ UHF (Ultra high frequency) ที่ใช้แบบเดียวกับ Wireless LAN, บลูทูธ หรือวิทยุสองทาง เช่น วิทยุ FRS และ วิทยุ GMRS

ปัจจุบันรีโมทรถยนต์นิยมใช้อยู่ 2 ความถี่คือ 315MHz และ 433MHz

เพื่อป้องกันการรบกวนย่านความถี่วิทยุต่าง ๆ ส่วนการทำงานของรีโมทรถยนต์จะผสมรหัสเข้ากับคลื่นวิทยุ จึงทำให้การส่งสัญญาณของรีโมทไปได้ไกล ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งกีดขวางก็สามารถส่งการควบคุมได้..

วิธีการขโมยรถด้วยสัญญาณรีโมท

– ใช้เครื่องตัดสัญญาณรีโมท ทำให้ไม่สามารถสั่งงานและล็อครถผ่านรีโมทได้ หลายคนที่เผลอตัวไม่ได้เช็ครถหรือสังเกตุสัญญาณเสียง,ไฟ ล็อครถ ก็โดนกันมาเยอะ

– สแกนระบบรีโมทคอนโทรล วิธีนี้มิจฉาชีพจะคอยเหยื่อที่บริเวณถ้าคุณใช้รีโมทในการล็อคก็จะถูกแสกนสัญญาณ และสามารถควบคุมได้ไม่ต่างจากรีโมทของคุณ

 วิธีป้องกัน

– ตรวจสอบด้วยสายตาจากการดูสัญญาณไฟกะพริบ

– เช็คด้วยการฟังเสียงสัญญาณจากตัวรถ

– เช็คด้วยการเปิดประตูด้วยตัวเองให้แน่ใจว่ารถล็อคแล้ว

– เลือกล็อครถจากกุญแจปลอดภัยที่สุด

หากถูกโจรกรรมด้วยสัญญาณรีโมท รถยนต์ก็จะไม่มีร่องรอยการงัดแงะและตรวจหาหลักฐานได้ยาก เคลื่อนย้ายรถสะดวกโอกาสที่จะได้รถคืนนั้นยากมาก ดังนั้นการอยู่บนพื้นฐานความไม่ประมาทเชื่อเถอะครับว่าจะช่วยได้อีกเยอะ..

 

 “ตัดสัญญาณรีโมทรถยนต์โดยใช้กุญแจดอกอื่น”

โดยใช้กุญแจ Mirage ทำหน้าที่เป็น Jammer เพื่อทดสอบกับรถคันอื่นๆ

ผลที่ได้ กุญแจ Mirage สามารถรบกวนสัญญาณกุญแจดอกอื่นทำให้ไม่สามารถล๊อครถได้ โดยทดลองกับ Mitsubishi Mirage, Ford Fiesta, Toyota Altis, Hyundai H1 และรถยนต์ที่ซื้อกุญแจมาติดเอง ผลปรากฏว่าสามารถรบกวนได้ทั้ง Mirage, Fiesta, Altis ยกเว้น H1 และกุญแจที่ซื้อมาติดเอง เนื่องจากการรบกวนจะเกิดขึ้นเมื่อใช้ความถี่เดียวกัน ทำให้ H1 และกุญแจที่ซื้อมาติดเองรอดพ้นจากการถูกรบกวนโดยกุญแจ Mirage ครับ.

 

หลักการของการแทรกแซงคลื่นรีโมท

สาเหตุที่มันกวนกัน คงไม่ใช่เรื่องความแรงของตัวส่งอย่างเดียว
จะอธิบายหลัการของรีโมทรถยนต์แบบคร่าวๆคือ
1. รีโมทเดี๋ยวนี้เป็นแบบเข้ารหัสแบบดิจิตอล16บิทหรือมากกว่า
2. จะส่งระหัสดิจิตอลไปในอากาศได้ จะใช้สัญญาณอนาล๊อกหรือ RF เป็นตัวพาโค๊ดต่างๆไป
3. RF ที่ส่งเป็น คลื่นพาหะ(frequency carrier) มีความถี่อยู่ระหว่าง 433.075 MHz to 434.775 MHz หรือ69 ช่องความถี่เท่านั้นเองที่ใช้กันทั้งหมด(ทั้งโลก)
4. ความถี่นี้เรียกว่า LPD433 (Low Power Device 433 MHz) is a part of ITU

นั้นหมายถึงว่ารถยี่ห้อเดียวกัน หรือต่างยี่ห้อแต่อยู่ในประเทศโซนการผลิตเดียวกันอาจจะใช้ช่องความถี่พาหะเดียวกันได้..

แต่ประเด็นมันอยู่ที่ตัวรับที่ติดอยู่ที่รถว่ามันจะมีวิธีรับที่แตกต่างกัน
พูดง่ายๆ ถ้าทำให้ต้นทุนมันถูกคือ เมื่อตัวรับ เห็นว่ามีคลื่นพาหะเดียวกันที่เข้าก็จะจับคลื่นนั้นไปตลอดเพื่อจะEncode หรือถอดรหัสให้ได้ รหัสมันก็จะมาเป็นชุด อาจจะ 1 ชุด หรือมากกว่า
เมื่อมีตัวส่งอื่นที่เป็นคลื่นพาหะเดียวกันมาอีก แต่ตัวรับยังพยายามจะถอดรหัสจากสัญญาณตัวส่งตัวแรกอยู่เลย จึงส่งผลให้ระบบในรถไม่ทำงาน

ถ้าระบบตัวรับที่มีราคาแพงจะมีที่ซับซ้อนขึ้น เช่นเมื่อถอดรหัสจากตัวส่งที่1 ไม่ได้ ก็ทำการตัดการรับนั้นไป แล้วเริ่มกระบวนการรับใหม่อีกครั้ง

คือ ตัวรับสัญญาณที่รถ มันเห็นว่า เป็นคลื่นพาหะเดียวกัน (หรือใกล้กันมาก – โดยปกติ แต่ละช่องสัญญาณจะมีช่วงว่างอยู่ สมมติว่าโจรส่งสัญญาณในช่วงที่ว่าง ก็จะกวนคลื่นถึง 2 ช่องความถี่ )

มันก็จะรับตัวที่แรงกว่า แล้วพยายามถอดรหัส ตัวนั้น ทำให้ตัวจริง ที่พยายามส่งอยู่ ไม่ทำงานครับ

ดังนั้น มันจึงไม่เกี่ยวอะไรกับการเข้ารหัส

เหมือนแม่กุญแจมีอันเดียว แต่มีคนพยายามเอาลูกกุญแจ เสียบเข้าไป ทำให้ลูกกุญแจจริงๆ ของเรา เสียบไม่ได้.

เราต้องรู้ทันสิ่งที่โจรทำคือ..

1. ใช้ระบบส่งสัญญาณกวนที่แรงกว่ารีโมทเจ้าของรถ
2. เจอจังหวะที่รีโมทเจ้าของรถ ถ่านอ่อน จึงส่งสัญญาณได้อ่อนลง
3. เจอจังหวะที่ รถในโซนเป้าหมาย มีคนกดล็อกพอดี

ข้อแนะนำคือ
1. ถ้ารู้สึกว่าถ่านรีโมทอ่อน ให้เปลี่ยนถ่าน สังเกตุว่า เริ่มกดแล้วรถไม่สั่งงานเหมือนที่กด ต้องเดินไปใกล้ขึ้น ถึงจะทำงาน เป็นต้น
2. ทุกครั้งที่ปิดประตู กดรีโมทใกล้รถเสมอ เพื่อให้แม้สัญญาณเราอ่อน แต่จุดกำเนิดใกล้จุดรับสัญญาณ ก็จะล็อกได้
3. ดูสัญญาณไฟประกอบการปิด หรือไม่มั่นใจ ก็เปิดประตู ดูให้เรียบร้อย

เรียบเรียง-แก้ไข จาก..

https://car.kapook.com/view76827.html
hs3uka.com/tale/wireless-remote-key-jammer
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%A3%E0..
http://www.innovaclub.net/SMF-Board/index.php?topic=24683.15;wap2