ร้อยเอ็ด – ผู้ว่าฯ เอาจริง ขจัดมิจฉาชีพแก๊งชน-ตบทรัพย์ สั่งป้องกันจังหวัด ประสานทหาร ตำรวจกว่า 50 นายเข้าตรวจค้นทั้งหมู่บ้าน ไหวตัวหลบหนีทัน แต่พบผู้ใหญ่บ้านบ้านบึงโดน ยอมรับเคยทำอาชีพนี้จริง ด้านคสช.สั่งรวบรวมหลักฐานรายชื่อมิจฉาชีพทั้ง 44 คนให้ไปรายงานตัวพร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
วานนี้ (13 ส.ค.) จากข่าวมีหมู่บ้านหากินกับวิธีการ “ชนแล้วตบทรัพย์” คือ บ้านบึงโดน ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด .. ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้มอบหมายให้นายไกรสร กองฉลาด ป้องกันจังหวัด พร้อมด้วยนายอำเภอจังหารนำ อส.ชุดเคลื่อนที่เร็ว สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ สภ.จังหาร และสมาชิก อส.ร้อย อส.อ.จังหาร รวม 50 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นหมู่ 4, 5 และ 9 ต.แสนชาติ
พบว่าส่วนใหญ่เป้าหมายไม่อยู่ และนำรถที่ใช้ขับหลบหนีออกไปจากหมู่บ้านก่อนแล้ว ซึ่งขณะเข้าตรวจค้นพบ น.ส.สุพรรณณี วิชัยภูมิ อายุ 28 ปี วิ่งหนีไปที่รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ทะเบียน กฉ 1590 ร้อยเอ็ด จะขับออกไป จึงสกัดตรวจค้นรถพบรอบคันมีรอยเฉี่ยวชน และมีลักษณะทำสีใหม่ ตรวจสอบไม่พบหลักฐานคู่มือประจำรถ จากนั้นจึงเข้าค้นบ้านไม่พบหลักฐานอื่น แต่พบโพยขายหวยใต้ดินงวดวันที่ 1 สิงหาคม
และที่บ้านหลังติดกันพบอุปกรณ์การทำสีรถยนต์จำนวนมาก ซึ่งนายบุญรักษ์ แน่นอุดร เจ้าของอู่ กล่าวว่า ตนรับจ้างทำสีรถมา 30 กว่าปี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการเฉี่ยวชนตบทรัพย์
จากนั้นเข้าตรวจค้นเป้าหมายอีกแห่ง พบอะไหล่รถยนต์ เช่น กันชนหน้า หลัง โคมไฟหน้า แต่ผู้มีรายชื่อในขบวนการซึ่งเป็นเป้าหมายไม่พบตัว พบแต่ญาติสนิท และสมุดบัญชีธนาคาร 6 บัญชี ที่มีเงินหมุนเวียนสูง จึงยึดไปตรวจสอบ
หลังสุดท้ายบ้านของนายประภพ เดชอุทัย อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่ยอมรับว่าเคยเป็นหนึ่งในขบวนการชนแล้วตบทรัพย์หลายจังหวัด ทั้งภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคอีสาน ตั้งแต่ปี 2553 จนจำผู้เสียหายไม่ได้ โดยทำอยู่ 2 ปี ได้เงินเฉลี่ยวันละ 5,000 บาท
นายประภพกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องชนตบทรัพย์เพราะความยากจน ต้องการหาเงินมารักษาภรรยาและลูกชายที่ป่วย โดยภรรยาหายป่วยแล้วแต่ลูกชายเสียชีวิตหลังจากทำอยู่ 2 ปี และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านในปี 2556 จึงเลิกและขายรถที่ก่อเหตุทั้งหมด ขณะที่รายอื่นยังคงทำต่อ แต่ไปทำที่ต่างจังหวัดและทุกภาคของประเทศไทยเพื่อหาเงิน
สำหรับข้อมูลกลุ่มขบวนการมิจฉาชีพพบมีอยู่ใน 3 หมู่บ้าน รวม 44 ราย ส่วนหนึ่งไหวตัวหลบหนีทัน ขณะที่ส่วนหนึ่งหากินอยู่นอกพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ยึดสิ่งที่พบและบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน แต่เนื่องจากยังไม่มีเจ้าทุกข์ จึงรวบรวมหลักฐานรายชื่อทั้ง 44 คนส่งให้ พล.ต.นคร สุขประเสริฐ หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดร้อยเอ็ด เรียกให้ไปรายงานตัว และจัดทำประวัติ ส่วนใครที่เคยถูกชนตบทรัพย์ให้แจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุ แล้วประสานมาขอตรวจสอบผู้ก่อเหตุเพื่อดำเนินคดีได้.
ทั้งนี้ พฤติการณ์ก่อเหตุของขบวนการดังกล่าวจะเน้นเหยื่อที่เป็นชายสูงอายุ ขับรถช้า และเป็นรถเก่าไม่มีประกัน โดยจะไม่เลือกสตรีที่มาคนเดียวที่ตกใจง่าย เพราะทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ และไม่ทำกับวัยรุ่น เพราะมักจะต่อสู้และมีอาวุธ โดยจะขับรถ 2-3 คันเข้าประกบ และขับรถเข้าประชิดด้านหลังเพื่อให้เหยื่อตกใจและหักหลบมาใส่รถด้านข้าง โดยรถดังกล่าวจะรีบเร่งเครื่องขึ้นมาเพื่อให้เกิดการเฉี่ยวชน หลังจากนั้นจะลงไปกรรโชกทรัพย์ครั้งละ 5,000-10,000 บาท โดยจะก่อเหตุ 3 ครั้งต่อวัน.
ข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000092370