เอเอฟพี – เกาหลีเหนือสั่งห้ามชาวมาเลเซียที่พำนักอยู่ในแดนโสมแดงเดินทางออกนอกประเทศวันนี้ (7 มี.ค.) หลังเหตุการณ์ลอบสังหาร คิม จองนัม ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการทูตเสื่อมทรามลงอย่างหนัก ขณะที่ผู้นำมาเลเซียก็ได้สั่งตอบโต้ทันทีด้วยการห้ามมิให้ชาวเกาหลีเหนือทุกคนเดินทางออกจากแดนเสือเหลืองเช่นกัน
คำสั่งของเกาหลีเหนือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซียออกมาระบุว่า “เท่ากับจับพลเมืองของเราเป็นตัวประกัน” เกิดขึ้นในขณะที่นานาชาติกำลังรุมประณามเปียงยางกรณีการยิงขีปนาวุธถึง 4 ลูกไปตกลงทะเลญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (6)
“รัฐบาลเกาหลีเหนือตัดสินใจห้ามพลเมืองมาเลเซียที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเดินทางออกนอกประเทศเป็นการชั่วคราว” สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนืออ้างคำแถลงจากกระทรวงการต่างประเทศโสมแดง
คำสั่งห้ามนี้จะมีผลบังคับ “จนกว่าสวัสดิภาพของนักการทูตและพลเมืองเกาหลีเหนือในมาเลเซียจะได้รับการรับรองอย่างสมบูรณ์แบบ และคดีที่เกิดขึ้นในมาเลเซียได้รับการคลี่คลายอย่างเป็นธรรม”
ทั้งนี้ นักการทูตและพลเมืองมาเลเซียที่พำนักอยู่ในเกาหลีเหนือยังสามารถ “ประกอบธุรกิจและใช้ชีวิตได้ตามปกติ” ระหว่างที่รัฐบาลบังคับใช้คำสั่งห้ามออกนอกประเทศ
รายงานระบุว่า ขณะนี้มีพลเมืองมาเลเซียอยู่ในเกาหลีเหนือเพียง 11 คน
นายกรัฐมนตรีนาจิบ ได้แถลงประณามคำสั่งของเปียงยาง พร้อมทั้งห้าม “พลเมืองเกาหลีเหนือทุกคนในมาเลเซีย” เดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าน่าจะมีชาวโสมแดงอาศัยอยู่ในมาเลเซียประมาณ 1,000 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทยเสือเหลืองระบุว่า มาตรการห้ามเดินทางนั้นมีผลบังคับเฉพาะกับ “บุคลากรสถานทูตเกาหลีเหนือ” เท่านั้น
“การกระทำอันชั่วร้ายเช่นนี้เท่ากับจับพลเมืองของเราเป็นตัวประกัน และแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือไม่เห็นกฎหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมการทูตอยู่ในสายตา” นาจิบกล่าว
“ในฐานะประเทศที่ใฝ่สันติ มาเลเซียพร้อมที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับทุกๆ ประเทศ อย่างไรก็ตาม การปกป้องสวัสดิภาพพลเมืองย่อมต้องมาเป็นอันดับแรก และเราจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นโดยไม่ลังเล เมื่อพวกเขาถูกคุกคาม” |